Category: Horror Movie Reviews

The Quiet Family (1998) ผลงานยอดเยี่ยมชิ้นแรกจาก Kim Ji-Woon ผู้กำกับหนังเรื่องดังอย่าง A Tale of Two Sisters
December 23rd, 2012 by ฟิล์มสยอง
The Quiet Family (1998) ผลงานยอดเยี่ยมชิ้นแรกจาก Kim Ji-Woon ผู้กำกับหนังเรื่องดังอย่าง A Tale of Two Sisters

The Quiet Family (1998) ผลงานยอดเยี่ยมชิ้นแรกจาก Kim Ji-Woon ผู้กำกับหนังเรื่องดังอย่าง A Tale of Two Sisters

The Quiet Family (1998)
Choyonghan kajok
นำแสดง: Park In-hwan (Kang Tae-gu : Father), Na Mun-hee (Mrs. Kang), Song Kang-ho (Kang Yeong-min : Son), Choi Min-sik (Kang Chang-ku : Uncle) , Go Ho-kyung (Kang Mi-na : Daughter), Lee Yun-seong (Kang Mi-su : Daughter)
กำกับและเขียนบท: Kim Ji-woon
ประเภท: Comedy/ Thriller / Crime / Horror

The Quiet Family (1998) ผลงานยอดเยี่ยมชิ้นแรกจาก Kim Ji-Woon ผู้กำกับหนังเรื่องดังอย่าง A Tale of Two Sisters

The Quiet Family (1998) ผลงานยอดเยี่ยมชิ้นแรกจาก Kim Ji-Woon ผู้กำกับหนังเรื่องดังอย่าง A Tale of Two Sisters

หนังตลกร้ายชั้นดีของผู้กำกับ Kim Ji-Woon ผลงานเรื่องแรกที่สร้างเอาไว้ได้อย่างน่าประทับใจยิ่งนัก ซึ่งผลงานภาพยนตร์ของเขาผู้นี้ ผมว่าหลายคนน่าจะรู้จัก Kim Ji-Woon กันดีอยู่แล้วจากภาพยนตร์สยอง เรื่อง A Tale of Two Sisters, Three : Extreme II ในตอน Memories และ ล่าสุด A Bittersweet Life เรียกว่าหนังแต่ละเรื่องที่เป็นผลงานของ Kim Ji-Woon นั้นการันตีความสนุกสนาน สยอง และเขย่าขวัญได้ ไม่แพ้ผู้กำกับชื่อดังคนอื่นๆ

The Quiet Family เป็นผลงานชิ้นแรกของ Kim Ji-Woon ที่เต็มไปด้วยอารมณ์ขันในแบบตลกร้าย ทั้งฮาแบบอันลิมิต ทั้งเขย่าขวัญ ทั้งสยองด้วยการนำเรื่องราวการฆาตกรรมมาบอกเล่าบนโต๊ะอาหาร ราวกับว่าเป็นเรื่องราวในชีวิตประจำวัน ธรรมดาๆ ซะงั้น…

เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นเมื่อ ครอบครัวคัง ซึ่งเป็นครอบครัวธรรมดาๆ ครอบครัวหนึ่ง ไปปักหลักตั้ง Lodge หรือ บ้านพักอาศัยอยู่บริเวณภูเขา กะว่าจะเป็นที่พักสำหรับนักไต่ปืนเขาทั่วไป แต่แล้ว กิจการที่เขาเพิ่งซื้อมา กลับไม่เป็นอย่างที่คิด ผู้คนที่จะเข้ามาพักนั้นมีน้อยเหลือเกิน โชคร้ายเท่านั้นยังไม่พอ แขกรายหนึ่งที่มาพักเป็นรายแรก ดันมาฆ่าตัวตายในบ้านพักของพวกเขาอีกด้วย พวกเขาไม่กล้าที่จะแจ้งตำรวจ เพราะกลัวโดนปิดกิจการ จึงได้นำศพไปฝังเอาไว้ โชคร้ายที่พวกเขาดันหากระเป๋าเงินของผู้ตายไม่เจอ จนแขกรายต่อๆ ไปมาพบเข้า ด้วยความที่ต้องทำลายหลักฐาน การฆ่าปิดปากจึงได้เริ่มต้นให้ครอบครัวคัง กลายเป็นครอบครัวที่เห็นเรื่องการ “ฆ่า” เป็นเรื่องธรรมดาที่กระทำในชีวิตประจำวัน…

The Quiet Family พยายามฉายภาพให้เห็นถึงการตกกระไดพลอยโจน (เขียนงี้เปล่า?) กับการ “ฆ่าปิดปาก” ซึ่งเป็นเหตุผลในการสร้างฆาตรกรจำเป็นขึ้นมา โดยมีพื้นฐานเป็นแววด้านมืดของครอบครัวคัง ภาพยนตร์เป็น Black Comedy ที่แฝงไปด้วยฉากโหด ๆ แต่นำบทขำ ๆ ด้วยตัวละครที่มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเองมากลบเกลื่อนความโหดที่แอบแฝงอยู่ในหนังตลอดเรื่อง ผนวกกับอารมณ์เพลงประกอบภาพยนตร์ที่ลงตัว และเหมาะเจาะในทุกฉาก มันสร้างแรงกระตุ้นให้ลุ้นถึงฉากต่อๆ ไปของหนังได้อย่างกลมกล่อมเลยทีเดียว

ตัวหนังได้รางวัล Fantasia Section Award สาขา Best Film : Live Action จากงาน Fantasporto ในปี 1999 จนถึงปี 2000 หนังได้สองรางวัลควบทั้ง Best Director และ Best Film จากงาน Malaga International Week of Fantastic Cinema ด้วย จะว่าไป The Quiet Family เป็นผลงานที่สร้างชื่อให้กับ Kim Ji-woon เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก และกลับมาตอกย้ำความดังอีกครั้งในเรื่อง A Tale of Two Sisters อีกด้วย

การันตีความสนุก ฮา เขย่าขวัญ กันแบบนี้แล้ว และใครที่ชื่นชอบผลงานเรื่อง A Tale Of Two Sisters แล้วนั้น ห้ามพลาด The Quiet Family ด้วยประการทั้งปวงครับ

โดย ศร-รณ (aka ถั่วเขียว ณ ทุ่งสังหาร)
Rating: 5.50 / 6.00


VN:F [1.9.22_1171]
Rating: 5.0/5 (2 votes cast)

Posted in Horror Movie Reviews, Horror Movies P - R Tagged with: , ,

รีวิวหนังสยอง P2 (2007) ลานสยอง จ้องเชือด
December 20th, 2012 by ฟิล์มสยอง
รีวิวหนังสยอง P2 - ลานสยอง จ้องเชือด

รีวิวหนังสยอง P2 – ลานสยอง จ้องเชือด

P2 (2007)
พี 2 ลานสยอง จ้องเชือด
กำกับ: Franck Khalfoun
เขียนบท: Alexandre Aja (story) & Gregory Levasseur (story)
นำแสดง: Wes Bentley (Thomas), Rachel Nichols (Angela)
ประเภท: Thriller / Horror

รีวิวหนังสยอง P2 (2007) ลานสยอง จ้องเชือด

รีวิวหนังสยอง P2 (2007) ลานสยอง จ้องเชือด

“Merry Christmas, TOM!!!”

เมื่อ “โทมัส” หรือ “ทอม” ยามหนุ่มโรคจิตเฝ้ามองพฤติกรรมของ “แองเจลล่า” สาวออฟฟิศผู้อุทิศตนให้กับงานจนลืมแบ่งเวลาให้กับชีวิตส่วนตัว เขาเฝ้ามองอยู่นาน ไม่ใช่แค่วัน…แต่เป็นเดือน จากการเฝ้ามองลุ่มลึกสู่ความชอบพอ จนถึงความหลงใหล

วันเกิดเหตุเป็นคืนวันคริสมาสต์อีฟ ทุกคนในออฟฟิศต่างพากันกลับบ้านเร็วเพื่อไปฉลองกับครอบครัว แองเจลล่า เธอยังนั่งทำงานอยู่อย่างขะมักเขม้น ครอบครัวโทรตามตัวให้รีบกลับไปให้ทันฉลองกับที่บ้าน เธอสัญญาไว้แบบนั้นจึงรีบเคลียร์งาน แต่ก็กลับเป็นคนสุดท้ายของออฟฟิศอยู่ดี ด้วยเหตุที่บังเอิญหรือไม่ ไม่ทราบ รถเธอสตาร์ทไม่ติด ยามหนุ่มหยิบยื่นมิตรไมตรีช่วยเหลือเธอ แต่หารู้ไม่ว่า ความสยดสยองกำลังจะเริ่มต้นขึ้นที่ลานจอดรถชั้น “P 2”

P 2 ลานสยอง จ้องเชือด
หนังเรื่องนี้ได้ดารานำอย่าง Wes Bentley มารับบทเป็น Thomas หรือ ทอม ยามหนุ่มโรคจิต หนุ่มคนนี้เคยรับบทเป็น Blackheart ใน Ghost Rider (จำกันได้มั้ยครับ) หน้าตาพี่เขาแสดงบทบาทของคนโรคจิตได้นิ่งดีครับ ความหลากหลายของพฤติกรรม และอารมณ์ที่แปรปรวนอยู่ตลอดเวลา เขาทำให้เราเห็นทั้งภาพของคนโรคจิต ภาพของคนที่หลง(ใหล)รักผู้หญิง ภาพของคนที่น่าสงสาร (ออกไปทางน่าสมเพช) ภาพของคนเหงาที่ต้องลำพังในสถานที่ไร้ผู้คนในยามวิกาล โดยเฉพาะการแสดงที่ต้องแสดงกันอยู่ 2 คนแบบนี้ ถือว่าสอบผ่านอย่างสบายๆ เลย สำหรับสาวออฟฟิศเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายนั้น รับบทโดย Rachel Nichols เธอคนนี้ผ่านงานแสดงซีรีส์มาก็เยอะ ความเซ็กส์ซี่คงไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าเป็นหนึ่งในจุดขายของเธอ หรือของภาพยนตร์เรื่องนี้ หากพูดถึงการแสดงก็ถือว่าไม่ดี แต่ก็ไม่เลวร้ายครับ โดยเฉพาะหนังประเภทแบบนี้ อารมณ์หวีดแตกของเหยื่อน่าจะทำให้ได้เร้ามากกว่านี้คงจะดี

ผู้กำกับ Franck Khalfoun เคยรับบทเป็นจิมมี่ในหนังเรื่อง Haute Tension ของผู้กำกับมากฝีมือ Alexandre Aja ครั้งนี้ Franck กลับมาด้วยบทบาทของผู้กำกับ และได้ Alexandre Aja มาทำหน้าที่เขียนบทภาพยนตร์ให้ ตัว Aja เองก็ยังได้ดึงมือเขียนบทคู่ใจอย่าง Gregory Levasseur ผู้ทำหน้าที่เขียนบทร่วมกับ Aja มาแล้ว ในเรื่อง Haute Tension และ The Hills Have Eyes สำหรับ P 2 มือเขียนบททั้งสองได้แรงบันดาลใจจากข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์เกี่ยวกับพนักงานออฟฟิศที่ถูกยามคุมคามในที่จอดรถ เรื่องราวของ P 2 จึงได้เกิดขึ้น…

สำหรับเรื่องนี้ หลายคนอาจจะบอกว่า นี่เป็นพล๊อตหนังแบบฉบับของภาพยนตร์ Thriller / Horror แบบเดิม ๆ ไม่มีอะไรแปลกใหม่ ความกดดัน อึดอัด เหยื่อผู้ถูกคุมคาม และผู้ล่าเหยื่อที่มีอำนาจเหนือ เป็นสิ่งที่ปรากฏอยู่ในหนังประเภทนี้อยู่แล้ว หากในความคิดของผมนั้น ผมว่า มุมมองการถ่ายทอดในแบบเสมือนจริง ที่ผู้ล่าเหยื่อยังมีความเป็นมนุษย์ที่สามารถที่จะผิดพลาด มีความเกรงกลัวต่อเหตุการณ์ที่ไม่สามารถควบคุมได้แบบนี้ เป็นสิ่งที่ฆาตกรโรคจิตในยุคนี้แทบจะไม่มีครับ ส่วนใหญ่จะโหดและเก่งชนิดไร้ที่ติด ภาพยนตร์ระทึกขวัญในแบบ Thriller เรื่องนี้จึงไม่ได้แย่มากมาย ผสมกับความโหดสยองในแบบ Horror ที่เราเห็นได้ทั้งฉากที่ฆ่าผู้ชายคนที่มาลวนลามนางเอกอย่างโหดเหี้ยม ทั้งใช้กระบองตี ขับรถบี้อัดติดกับกำแพงอย่างทารุณ โหดเหี้ยม จนถึงในหลายๆ ฉากของสถานการณ์จนตรอกของนางเอกสาวที่ต้องเดินหน้าลุย…เพื่อความอยู่รอด มีอัดใส่ความรุนแรงสยองในแบบ Horror มาเป็นระยะ ๆ

หากมองว่าเป็นหนังระทึกขวัญ สยองขวัญธรรมดาๆ ก็มองได้…
แล้วแต่มุมมองของใครที่จะอินกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นมากที่สุด

ส่วนตัวผมโอเคนะ…ลุ้นเอาใจช่วยนางเอกอยู่ตลอด ^ ^

โดย ศร-รณ (aka ถั่วเขียว ณ ทุ่งสังหาร)
Rating: 3.00 / 6.00

VN:F [1.9.22_1171]
Rating: 3.5/5 (6 votes cast)

Posted in Horror Movie Reviews, Horror Movies P - R Tagged with: , ,

Porn of the DEAD (2005) หนังซอมบี้โป๊ดิบๆ จากผลงานของ Rob Rotten
December 16th, 2012 by ฟิล์มสยอง
Porn of the DEAD (2005) หนังซอมบี้โป๊ดิบๆ จากผลงานของ Rob Rotten

Porn of the DEAD (2005) หนังซอมบี้โป๊ดิบๆ จากผลงานของ Rob Rotten

Porn Of The Dead (2005)
นำแสดง: Joey Ray, Johnny Thrust, Buster Good, Trent Tesoro, Alec Knight, Dirty Harry
กำกับ: Rob Rotten
ประเภท: Porn / Horror / Exploitation

Porn of the DEAD (2005) หนังซอมบี้โป๊ดิบๆ จากผลงานของ Rob Rotten

Porn of the DEAD (2005) หนังซอมบี้โป๊ดิบๆ จากผลงานของ Rob Rotten

ภาพยนตร์ (โป๊) ของ Rob Rotten หนุ่มพังก์ ดาราหนังโป๊ผู้โด่งดัง และเจ้าของสังกัด Punx Productions ด้วยการเคารพต่อลุง George A. Romero เฮีย Rob แกเลยขอสังเวยภาพยนตร์ (โป๊) ในเส้นทางของ Romero จนได้ผลงานออกมาเป็น Porn of the Dead ภาพยนตร์ (โป๊) ที่สร้างชื่อให้เฮียแกไม่น้อย…เรื่องราวของหนังจะเป็นอย่างไรนั้น ลองติดตามกัน…

หนังเปิดตัวขึ้นมาด้วยภาพของหนุ่มโรคจิตขับรถผ่านสาวดูท่าทางแปลกๆ และจัดการรับสาวคนนั้นกลับไปด้วย โดยหวังว่าจะได้ชำแหละหล่อนในบ้านแห่งหนึ่งที่ดูสภาพไม่ต่างกับโรงฆ่าสัตว์…แต่ก่อนที่หนุ่มโรคจิตจะชำแหละ สาวที่ดูราวซอมบี้กลับกระชากเสื้อผ้าของหนุ่มโรคจิตออก และเริ่มต้นบทเซ็กส์ด้วยการทำ Oral อย่างกระหายและเมามัน…ฉากร่วมรักเกือบ 20 นาที ก่อนจะจบที่ความสุขหรรษา หนุ่มหลั่งน้ำออกมา ก่อนที่หญิงโรคจิตจะกัดน้องชายออกเป็นท่อนๆ ราวถูกมีดทื่อๆ เฉือนก็ไม่ปาน…

พาร์ทสอง เปิดภาพมาด้วยสาวน้อยหน้าใส บรรจงดูดไอติม พร้อมช่วยตัวเองอย่างเมามัน Rob ทำภาพออกมาสีนวล สวยงาม ตัดกับพาร์ทแรกที่สีสันออกมาดิบ เถื่อน…ก่อนที่จะเปิดพาร์ทสามด้วยเพลง Death metal โหดสะท้าน ฟิล์มกลับไปในแนวเดียวกับพาร์ทแรกด้วยสีทะมึน มืด ๆ พร้อมฉากร่วมรักของหนุ่มเพ้นท์หน้าตาราวกับคนป่า กับสาวหน้าตาสวย…ฉากรักเร่าร้อน รุนแรง กับลีลา 108 ท่วงท่า ประกอบเพลงเมทัล ทั้ง Death ทั้ง Grind ทั้ง Brutal อาทิ Decapitated, Enthroned, Gorrotted เป็นต้น

หมดพาร์ทสาม ต่อด้วย พาร์ทสี่จะเป็นฉากการร่วมรักที่ดูเหมือนว่าจะอยู่ในกองถ่ายทำ แล้วก็มีไอ้มนุษย์สุดโหดที่แต่งหน้าตาแบบคนป่าในพาร์ทสามมาคอยด้อมๆ มองๆ และลงมือฆ่าคนในกองถ่ายอย่างโหดเหี้ยม ภาพการควักตับไต ไส้พุงของคนในกองถ่ายมากินอย่างเอร็ดอร่อย…ตอนนี้มนุษย์คนป่ากระหายเซ็กส์ไม่ได้มาตนเดียวครับ แกมากันสามตน..ฉากร่วมรักแบบเซ็กซ์หมู่จึงเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง…จบพาร์ทสี่ ต่อด้วยพาร์ทห้า

สาวคนนึงถูกจับวางนอนลงบนแท่นบูชา หนุ่มหื่นในชุดกราวนด์บรรจงเล้าโลมหล่อนจนอารมณ์ได้ที่ แล้วฉากเซ็กส์บรรเจิดก็เริ่มต้นอีกครั้ง ในพาร์ทที่หก เปิดฉากด้วยห้องกักขังสาวบ้าคลั่งศาสนาที่ดูเหมือนหล่อนมีสภาพเป็นศพไปแล้ว ในห้องที่เต็มไปด้วยภาพของไม้กางเขนกลับหัวอยู่เต็มห้องไปหมด เจ้าหน้าที่หนุ่มแอบถอดเสื้อสาวบ้าผู้นั้นออกแล้วจัดการรักร่วมศพ

แต่เหตุการณ์ไม่เป็นอย่างที่คิด ศพที่นอนตายอยู่กลับเริ่มเคลื่อนไหวและมีปฎิกริยาตอบโต้..อยู่ดีๆ สาวบ้าสภาพศพก็กระโจนลุกขึ้นถอดกางเกงของเจ้าหน้าที่ออก แล้วบรรจงทำ Oral อย่างเมามันอีกครั้ง…ภาพความรุนแรงเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง เมื่อเจ้าหน้าที่เกิดอารมณ์เอานิ้วแหย่ให้สาวศพอม แต่หล่อนไม่อบอย่างเดียว หล่อนจัดการกัดนิ้วเจ้าหน้าที่ขาดเลือกโชก ความแค้นของเจ้าหน้าที่ปะทุขึ้น จึงประเคนเซ็กส์บทหนักให้กับสาวศพ…ฉากสุดท้ายที่เต็มไปด้วยความรุนแรงอีกครั้ง เมื่อสาวศพกัดน้องชายของเจ้าหน้าที่ขาดกระจุย นอกจากนั้นหล่อนยังกัดท้อง ควักไส้ออกมากัดกินอย่างเอร็ดอร่อย….

Porn of the Dead ก็คือหนังโป๊ ที่แต่งหน้าตาดาราในสไตล์ซอมบี้…ความยาวร่วมกว่า 100 นาที ประกอบกับดนตรี Metal โหดสุดขั้วเปิดประกอบฉากร่วมรัก พ่วงด้วยบทจบขึ้นสรวงสวรรค์ในแบบ Gore ด้วยภาพโคตรรุนแรง ที่ห้ามพลาดช็อตนั้นกันเลยทีเดียว นอกจากนั้นยังใส่ฉากการควักไส้ควักพุง กินตับไตไส้พุงมาให้ดูกันด้วย…

หนังโป๊ซอมบี้ในอีกรูปแบบที่คอหนังสยองอย่างเราๆ ไม่ควรพลาดนะ เหอ เหอ เหอ

โดย ศร-รณ (aka ถั่วเขียว ณ ทุ่งสังหาร)
Rating: 2.69 / 6.00


VN:F [1.9.22_1171]
Rating: 2.3/5 (3 votes cast)

Posted in Horror Movie Reviews, Horror Movies P - R Tagged with: , , , ,

Playhouse (2003) สยองจ้องสยอง หนัง Horror Black Comedy
December 16th, 2012 by ฟิล์มสยอง
Playhouse (2003) สยองจ้องสยอง หนัง Horror Black Comedy

Playhouse (2003) สยองจ้องสยอง หนัง Horror Black Comedy

Playhouse (2003)
สยองจ้องสยอง
นำแสดง: Nikitas Menotiades (Detective Eustas Black), Ross Donaldson (Janitor Connelly), David Friday (Officer Myron Koss), Andy Parks (Officer Byron Randal), Holly Bryant Scott (Jessica), Todd Betker (Kevin), Dalla Andracchio (Sarah), Ola Creston (Katie), Joe Stile (Arnold), John Yost (Tom Kichosniakowski)
กำกับและเขียนบท: Hunter F. Roberts
ประเภท: Horror Black Comedy

Playhouse (2003) สยองจ้องสยอง หนัง Horror Black Comedy

Playhouse (2003) สยองจ้องสยอง หนัง Horror Black Comedy

เรื่องย่อ…
จะเป็นยังไงเมื่อโรงละครที่คุณกำลังซ้อมแสดงอยู่ เป็นโรงละครผีสิง…เหตุเกิดที่โรงละครแห่งหนึ่งในพิสเบิร์ก เมื่อกลุ่มนักศึกษากำลังซ้อมแสดงละครเวที แล้วต้องมาพบกับเหตุการณ์แปลกประหลาดตั้งแต่อาจารย์ผู้สอนแสดงต้องมาตายอยู่บนเวที และต่อมาเพื่อนๆ ในกลุ่มของพวกเขาก็เริ่มหายตัวไปอย่างลึกลับ เหตุการณ์ประหลาดเริ่มรุนแรงขึ้น เมื่อนักสืบแบล็กและลูกน้องเข้ามาทำคดีนี้..จะเป็นอย่างไรเมื่อพวกเขาต้องเผชิญกับสิ่งเร้นลับเหนือมนุษย์ ปีศาจ ผี วิญญาณร้าย ที่เดินทำท่าออกแนวซอมบี้สยองขวัญ สั่นประสาทกระตุกต่อมฮาให้ต้องขำเล็กๆ ปนกับความขยะแขยง สุดแหวะในแบบ Horror ติดตามกันได้ในรูปแบบดีวีดีครับ…

เรื่องราวที่ถ่ายทอดจากประสบการณ์จริง…
เรื่องนี้อันที่จริงแล้วถ่ายทอดมาจากเหตุการณ์จริง ที่ว่าด้วยเรื่องราวของผีในโรงละคร Pittsburgh ตัวละครหลายตัวในเรื่องนี้รวมทั้งตัวผู้กำกับ Hunter F. Robert ก็เคยใช้โรงละครที่ว่านี้มาแล้ว ตอนก่อนถ่ายทำทางทีมงานก็ว่าจะใช้โรงละครที่มีร่ำลือว่ามีผีนี้เป็นสถานที่ถ่ายทำจริง แต่แล้วก็มีเหตุจำเป็นให้ต้องเปลี่ยนไปใช้สถานที่อื่นใน Pittsburgh แทน

อีกหนึ่งผลงานในแบบ Horror Black/Dark Comedy ที่น่าสนใจ…
ชื่อหนัง Playhouse ที่ชี้ให้เห็นเลยว่าเป็นโรงละคร การถ่ายทำและภาพจึงออกมาในลักษณะของการถ่ายทำละคร มีมุมมอง มุมกล้องแปลกๆ การตัดต่อภาพที่น่าสนใจ บทและท่าทางที่ล้อเลียนหนังจำพวกตลกใบ้ นำมาใช้ในเรื่องนี้ได้อย่างมีสเน่ห์เหลือหลาย อย่างที่บอกครับ หนังเป็น Black/Dark Comedy ตลก(โหด)ร้าย ที่ทำเอาเรายิ้มมุมปากได้นิดนึงแล้วก็ต้องแหวะ เพราะ Hunter Robert ใส่ความสยองหัวแบะในแบบ Horror เข้าไปเยอะทีเดียว นอกจากนี้แล้ว ผีที่ว่าในเรื่องยังออกแนว ผีซอมบี้ เดินโหย่งๆ ในโรงละครให้พล่าน ยิ่งกว่านั้น เจ้าผีที่มาในคาแรกเตอร์ของซอมบี้ ยังหายตัว แว็บไป แว็บมาได้อีกต่างหาก

รางวัลรับประกันคุณภาพ…
เห็นเป็นหนังตลกร้าย Black Comedy พันธุ์ Horror ยังงี้…Playhouse ก็ได้รับรางวัลมาแล้วเหมือนกัน อาทิ ชนะเลิศ Best Feature : รางวัล Honorable Mention จาก Denver Underground Film Festival และเข้าชิงรางวัล EERIE Horror และ Int’l Film Festival อีกด้วย

ใครนิยมหนังสยอง แล้วก็อยากดูหนังขำๆ มุมปากเล็กน้อย ผสานกับหนังแปลก ๆ ทั้งมุมกล้อง บท การถ่ายทำ การตัดต่อภาพ ที่ดูแล้วแปลกไปจากหนังตลาดทั่วไป ลองหาซื้อ Playhouse มาดูกันครับ เปิดหูเปิดตากันหน่อย

โดย ศร-รณ (aka ถั่วเขียว ณ ทุ่งสังหาร)
Rating: 4.00 / 6.00


VN:F [1.9.22_1171]
Rating: 4.0/5 (3 votes cast)

Posted in Horror Movie Reviews, Horror Movies P - R Tagged with: , , ,

Pan's Labyrinth (2006) อัศจรรย์แดนฝัน มหัศจรรย์เขาวงกต
December 15th, 2012 by ฟิล์มสยอง
Pan's Labyrinth (2006) อัศจรรย์แดนฝัน มหัศจรรย์เขาวงกต

Pan’s Labyrinth (2006) อัศจรรย์แดนฝัน มหัศจรรย์เขาวงกต

Pan’s Labyrinth (2006)
The Labyrinth of the Faun | Laberinto del fauno, El | อัศจรรย์แดนฝัน มหัศจรรย์เขาวงกต
นำแสดง: Ivana Baquero (Ofelia), Sergi Lopez (Capitan Vidal), Maribel Verdu (Mercedes), Doug Jones (Pan/Pale Man), Ariadna Gil (Carmen Vidal), Alex Angulo (Dr. Ferreiro), Manolo Solo (Garces), Cesar Vea (Serrano), Roger Casamajor (Pedro), Ivan Massague (El Tarta), Gonzalo Uriarte (Frances), Eusebio Lazaro (Padre – Father), Francisco Vidal (Cura – Priest as Paco Vidal), Juanjo Cucalon (Mayor), Lina Mira (Mayor’s Wife)
กำกับและเขียนบท: Guillermo del Toro
ประเภท: Drama / Fantasy / Thriller

Pan's Labyrinth (2006) อัศจรรย์แดนฝัน มหัศจรรย์เขาวงกต

Pan’s Labyrinth (2006) อัศจรรย์แดนฝัน มหัศจรรย์เขาวงกต

หลังจากที่ Del Toro สร้างความประทับใจให้ผมไปไม่น้อยกับหนังเรื่อง The Devil’s Backbone (2001) และ ก็ต้องยอมรับว่ากับผลงานเรื่อง Blade II และ Hellboy ไม่ค่อยสะดุดต่อมน่าสนใจเท่าไร จึงขอผ่านไปแต่โดยดี…กลับมาอีกที คือ ผลงานของเขากับเรื่อง Pan’s Labyrinth “Dark Goth fairy tale” หม่นหมอง ย้อมความหดหู่ ในหัวใจได้สนิท…

เรื่องย่อ: สาวน้อยโอฟีเลีย ต้องเดินทางกับคุณแม่ท้องแก่เพื่อไปอยู่กับกัปตันวิดัล นายทหารผู้คอยปราบกบฏอยู่ในเขตชนบททางตอนเหนือของประเทศสเปน ตอนปี 1944 หลังการได้รับชัยชนะของฟรานโก ภาพแห่งสงครามการต่อสู้ระหว่างนายทหารกับกลุ่มกบฏกับชีวิตความเป็นอยู่ตามแบบของลัทธิฟาสซิสต์ จึงเป็นภาพสุดโหดร้ายในสายตาของสาวน้อยโอฟีเลีย

ในขณะโลกแห่งความเป็นจริงมีแต่ความโหดร้าย สาวน้อยโอลีเฟีย เธอได้สร้างโลกจินตนาการอันสวยงามของเธอเอง เพื่อจรรโลงใจ และหลีกหนีความโหดร้ายในโลกความจริง การดำรงชีวิตที่เต็มไปด้วยการต่อสู้…ความจริงหรือจินตนาการ ร่วมผจญภัยไปกับสาวน้อยโอฟีเลียได้ครับ…

อัศจรรย์แดนฝัน มหัศจรรย์เขาวงกต…หดหู่ ดำมืด สงคราม ความรุนแรง และโหด!
“อัศจรรย์แดนฝัน มหัศจรรย์เขาวงกต” ชื่อภาษาไทยของหนังเรื่องนี้ที่ผมว่า ตอนหนังเข้าโรงคงมีผู้ใหญ่หลายคนหลงพาเจ้าตัวเล็กเข้าไปดูไม่น้อยล่ะครับ ไม่แน่ใจเพราะทางการตลาดที่ต้องการจะเจาะกลุ่มลูกค้า พ่อ แม่ ผู้ใหญ่ จูงลูกหลานมาดูด้วยอีกกลุ่มหรือไม่ แต่ต้องขอเตือน คุณพ่อ คุณแม่ที่จะไปซื้อ DVD มาให้ลูกหลานดู เพราะนึกว่าเป็นหนังเทพนิยาย Fantasy น่ารักจุ๋มจิ๋ม เพลินเพลิดตระการตา หาไม่ได้ครับ…ยังไงขอเตือนไว้ก่อน พลาดไปซื้อมา แล้วจะมาด่าคนนำลิขสิทธิ์มาขายทีหลัง มันก็ไม่ถูกจริงมั้ยครับ…

แล้วไอ้เหตุผลที่ว่าทำไมเจ้าตัวเล็กถึงไม่ควรดู ก็เหมือนอย่างที่ผมจั่วหัวไปนั่นแหละครับ…”หดหู่ ดำมืด สงคราม ความรุนแรง และโหด!” หนังครบรสชาดความเป็น Thriller/Drama Fairy Tale ที่ใช้ความเป็น Dark Goth ด้วยภาพและเนื้อเรื่องเจ๋งๆ มาดำเนินได้อย่างเยี่ยมยอด ตั้งแต่บรรยากาศความตึงเครียดของชีวิตหลังสงคราม กบฏ ผู้จดจ้องจะกอบกู้อิสระภาพ และความเป็นธรรมในมุมมองของชนผู้น้อย ไม่รู้เฮีย Toro แกชื่นชอบบรรยากาศสงครามหรืออย่างไร เพราะเห็นหลายๆ เรื่องที่เป็นผลงานของ Toro มักชื่นชอบนำบรรยากาศในภาวะสงครามมาเป็นองค์ประกอบหนึ่งของหนังอยู่บ่อยๆ

นอกจากบรรยากาศหดหู่ในชีวิตจริงที่สาวน้อยโอฟีเลียต้องเผชิญกับการล้างเผ่าพันธุ์กบฏของพ่อเลี้ยง “กัปตันวิดัล” แล้ว สาวน้อยโอฟีเลียยังมีภาพชีวิตในฝันตามจินตนาการ และภาพที่เด็กน้อยคอยสร้างสรรจากเทพนิยายที่เธอชอบอ่านไม่ว่าจะเพื่อหลบหนีความจริงอันโหดร้าย หรืออย่างไรก็ตาม โลกแฟนตาซีของ โอฟีเลีย ใช่สดสวยงดงามอย่างที่เด็กคนอื่นนิยม ก็หาใช่ มันกลับกลายเป็นเทพนิยายหม่นหมอง อย่างตอนที่สาวน้อยโอฟีเลียนอนกอดคุณแม่ เอาหูแนบท้องกลมป่อง บอกเล่านิทานให้น้องชายในท้องฟังด้วยเรื่องของดอกกุหลาบที่เต็มไปด้วยหนามมีพิษ..(โอ้ว..ธรรมดาสักทีไหนล่ะ กับ บทที่เฮีย Toro แกเขียนเนี่ย)

ในฉากสุดท้ายที่เราได้ดูกัน คงเกิดคำถามว่า เหตุการณ์ทั้งหมดนั้นเป็นจริงหรือไม่ หรือเป็นเพียงจินตนาการของสาวน้อยโอฟีเลีย ที่เราเห็นภาพของกัปตันวิดัลยืนมองไปที่โอฟีเลียที่กำลังยืนคุยอยู่คนเดียว สิ่งนี้คงเป็นปมที่ Toro ทิ้งไว้ให้คนดูเอาไปคิดต่อสนุกๆ แต่ที่สำคัญหลังจากนี้คือ ฉากการเสียสละของโอฟีเลียให้น้องชายต่างบิดาที่เพิ่งคลอดลืมตาออกมาดูโลก..นั่นแหละคือสิ่งที่หนังหดหู่ มืดหม่นเรื่องนี้ กำลังสอนคนดูอย่างเรา ๆ

ส่วนเรื่องฉากโหดๆ นั้น มีให้เห็นอยู่ไม่กี่ฉากครับ แต่รับรองว่า ทำให้คุณเสียวท้องน้อยได้เลยแหละ
– ตั้งแต่กัปตันวิดัลเอาก้นขวดบรรจงทุบเข้าไปที่หน้าของชาวบ้านที่แกนึกว่าเป็นพวกกบฎ แต่ที่ไหนได้..นั่นเป็นชาวบ้านที่ออกมาล่ากระต่ายเท่านั้น (เฮีย Toro ตบมุขสุดท้ายเข้าไปที่การค้นกระเป๋าแล้วพบซากกระต่าย ก่อนที่จะบอกให้ทหารอีกนายตรวจตราสืบสวนให้ดีก่อน…เหตุการณ์นี้ เกิดหลังจากที่กัปตันฆ่าชาวบ้านทั้งสองคนตายแล้ว!)
– ฉากเจ้า Pale ปีศาจอีกตัวที่อยู่ใต้ดิน นำแสดงโดย โดก์ โจนส์ ที่คราวนี้ต้องมารับบทเป็นทั้ง Pale และ Faun (หรือ Pan เทพเจ้าผู้พิทักษ์แห่งเทือกสวนไร่น่าป่าเขา) ในฉากเมืองใต้ดินที่สาวน้อยโอฟีเลียทำผิดกฏ ดันไปกินผลไม้ที่ Faun สั่งห้าม ทำให้เจ้า Pale ตื่นขึ้นจากภวังค์ ในฉากนี้ สาวน้อยโอฟีเลียต้องสูญเสียแมลงนางฟ้า โดยเจ้า Pale จับแมลง นางฟ้ากัดกินอย่างเอร็ดอร่อย (ได้อ่านมาจากเว็บไซต์ว่า เบื้องหลังฉากนี้คือเจ้า Pale ต้องกัดกินถุงยางบรรจุเลือดสดๆ กัน เลยทีเดียว)
– ฉากการรักษาของหมอเฟอเรโร่ที่ต้องหั่นขาเพื่อรักษาชีวิตของกบฏ (ฉากนี้ มีเพียงไม่กี่วินาที แต่ให้อารมณ์หยองได้ไม่น้อยเลย)
– ภาพความเข้มแข็งของเมอร์เซเดส แม่บ้านสาวกบฏที่แฝงตัวมาอยู่กับกัปตันวิดัล จนเธอถูกกัปตันวิดัลจับได้ แต่ด้วยความเข้มแข็ง เธอใช้มีดสั้นหั่นครัว จิ้มแทงปาดเข้าไปที่หลังของกัปตัน ก่อนที่จะปักเข้าที่หน้าอก และจบลงด้วยเอาเอามีดปักเข้าไปในปาก แล้วปาดกระพุ้งแก้มขาดกระจุย..โอ้ว…เฮีย Toro ยังไม่หยุดแค่นั้น ภาพตัดมาที่การเยียวยาตัวเองของกัปตันวิดัลด้วยการใช้เข็มเย็บมุมปากที่ขาดแหว่งด้วยตัวเอง…รับรองซีดส์ไปตามๆ กันแน่ครับ เอาตัวอย่างไปอ่านเพลินๆ ก่อนไปซื้อหนังเรื่องนี้มาชำเราด้วยตัวท่านเองครับ

หนังได้รางวัลออสการ์ 3 รางวัลคือ Best Achievement in Art Direction (Eugenio Caballero (art director) และ Pilar Revuelta (set decorator)) , Best Achievement in Cinematography (Guillermo Navarro) และ Best Achievement in Makeup (David Marti, Montse Ribe) และนอกจากออสการ์ เฮีย Toro และพรรคพวกกวาดรางวัลอีกมากกว่า 50 รางวัลทั่วโลก!

** ไม่มีเหตุผลใดๆ ที่จะไม่ดูหนังเรื่องนี้ครับ **

โดย ศร-รณ (aka ถั่วเขียว ณ ทุ่งสังหาร)
Rating: 6.00 / 6.00


VN:F [1.9.22_1171]
Rating: 4.0/5 (4 votes cast)

Posted in Horror Movie Reviews, Horror Movies P - R Tagged with: , , , ,

Organ (1996) โหดครบสูตรในฉากขโมยอวัยวะ การทรมาน และการฆาตกรรมสุดโหด
December 15th, 2012 by ฟิล์มสยอง
Organ (1996) โหดครบสูตรในฉากขโมยอวัยวะ การทรมาน และการฆาตกรรมสุดโหด

Organ (1996) โหดครบสูตรในฉากขโมยอวัยวะ การทรมาน และการฆาตกรรมสุดโหด

Organ (1996)
นำแสดง: Kei Fujiwara (Yoko), Kimihiko Hasegawa, Natsuyo Kanahama (Corpse of female high-school student), Kenji Nasa, Ryu Okubo, Tojima Shozo, Shun Sugata (Nakanishi)
กำกับและเขียนบท: Kei Fujiwara
ประเภท: Horror

Organ (1996) โหดครบสูตรในฉากขโมยอวัยวะ การทรมาน และการฆาตกรรมสุดโหด

Organ (1996) โหดครบสูตรในฉากขโมยอวัยวะ การทรมาน และการฆาตกรรมสุดโหด

เรื่องราวของตลาดมืด การค้าอวัยวะมนุษย์ แก๊งค์ยากูซ่า และตำรวจที่เข้ามาพัวพันกับคดีสุดโหดนี้…ตำรวจโตเกียวนายหนึ่ง ผู้ซึ่งตกเป็นเหยื่อของการกระทำอันสุดโหดร้ายของหมอผู้เชี่ยวชาญการชำแหละ หมอหนุ่มที่เป็นอาจารย์สอนชีวะวิทยาให้กับนักเรียน ผู้ซึ่งมีเบื้องหลังในอดีตอันสุดแสนโหดร้าย เขาใช้ความบริสุทธิ์ของเด็กนักเรียนสาวเป็นอาหารหล่อเลี้ยงร่างกาย เขาทำงานให้กับ Yoko หัวหน้าแก๊งค์ยากูซ่าสาวเลือดเย็น ตำรวจผู้เคราะห์ร้ายถูกหมอหนุ่มนำไปทดลองโดยการตัดแขน ตัดขา และเลี้ยงดูด้วยยาเสพติดชนิดหนึ่ง เพื่อนตำรวจอีกนายออกติดตามสืบสวนคดีนี้ และต้องการจะล้างแค้นให้กับเพื่อนตำรวจด้วยกัน เหตุการณ์จะเป็นอย่างไร ติดตามได้ใน Organ…

สุดโหดในฉากขโมยอวัยวะ การทรมาน และการฆาตกรรมสุดโหด
ครบเครื่องในเรื่องความโหดจริงๆ ของสำหรับหนังของ Kei Fujiwara เรื่องนี้ เรียกได้ว่าใครนิยมความสยอง แหวะ อย่างซีรียส์หนังที่เราเคยดูในเรื่อง Guinea Pig หรือใครชอบความโหด ซาดิสต์ โรคจิต อย่างใน ซีรียส์เรื่อง Evil Dead Trap หรือ All Night Long หรือใครชอบการสืบสวน สอบสวน ล้างแค้นในแบบหนัง Thriller แล้วล่ะก็ เรื่องนี้ครบถ้วนดีแท้ครับ

แต่ยังไงก็ต้องบอกไว้ก่อนครับว่า การดำเนินเรื่องของ Kei ในบทภาพยนตร์โดยเฉพาะในส่วนของ Thriller part อาจจะทำไม่ได้เนียนเท่าผลงานหนังเกรด A ทั่วไป แต่หากเทียบกับหนังเกรด B ต้นทุนต่ำแล้ว Kei Fujiwara ทำได้ไม่แพ้ใครทีเดียว โดยเฉพาะในส่วนของ Horror เธอทำให้สยองแหวะดีแท้

ผลงานของผู้หญิงเก่ง Kei Fujiwara
หากใครเคยดูผลงานของผู้กำกับ Shinya Tsukamoto ในเรื่อง Tetsuo หนัง Horror/ Sci – Fi คงจะคุ้นหน้ากับผู้หญิงที่เป็นดารานำของเรื่องนี้ นั่นก็คือ Kei Fujiwara สาวที่เก่งทั้งบทบาทการแสดง ผู้เขียนบท การทำงานเบื้องหลัง ไปจนถึงหน้าที่ของผู้กำกับ เธอผู้นี้กำกับเรื่อง Organ เป็นเรื่องแรก ก็ถูกหยิบยกชื่อเข้าไปอยู่ในรายชื่อของผู้กำกับหนังสยองขวัญชั้นนำซะแล้ว และนอกจากเรื่องนี้เธอจะกำกับเองแล้ว เธอยังรับบทแสดงนำเป็น Yoko หัวหน้าแก๊งค์ยากูซ่าสาวเลือดเย็นอีกด้วย หากใครได้ดูผลงานของเธอในเรื่องนี้แล้ว สนใจจะติดตามผลงานการกำกับของเธออีกล่ะก็ อย่าพลาดหนัง Thriller เรื่องที่เธอกำกับล่าสุดคือ Ido หรือ ID หนัง Thriller ที่ออกมาในปี 2005 จับจ้องผลงานของผู้หญิงเก่งคนนี้ให้ดีครับ คาดว่าในอนาคต คงจะได้ดูอะไรดีๆ จาก ผู้หญิงเก่งคนนี้อีกแน่นอน…

โดย ศร-รณ (aka ถั่วเขียว ณ ทุ่งสังหาร)
Rating: 4.50 / 6.00


VN:F [1.9.22_1171]
Rating: 3.0/5 (3 votes cast)

Posted in Horror Movie Reviews, Horror Movies M - O Tagged with: , , , ,

One Missed Call 2 (2005) สายไม่รับ ดับสยอง ภาค 2
December 15th, 2012 by ฟิล์มสยอง
One Missed Call 2 (2005) สายไม่รับ ดับสยอง ภาค 2

One Missed Call 2 (2005) สายไม่รับ ดับสยอง ภาค 2

One Missed Call 2 (Chakushin ari2) (2005)
สายไม่รับ…ดับสยอง 2
นำแสดง: Mimura(Kyoko), Yu Yoshizawa(Naoto), Asaka Seto(Takako), Renji Ishibashi (Motomiya), Peter Ho (You Ting)
กำกับ: Renpei Tsukamoto
เขียนบท: Minako Daira
ประเภท: Horror

One Missed Call 2 (2005) สายไม่รับ ดับสยอง ภาค 2

One Missed Call 2 (2005) สายไม่รับ ดับสยอง ภาค 2

เรื่องนี้ ลุง Takashi Miike ไม่ได้กำกับครับ แต่เป็นผลงานการกำกับของ Renpei Tsukamoto ซึ่งผู้กำกับคนนี้ กำกับหนังมาหลากหลายแนวทางเหลือเกินไม่ว่าจะเป็น Drama, Horror จนถึงหนังวัยรุ่นให้แง่คิดอย่างเรื่อง Dragon Sakura หรือชื่อไทย “นายซ่า ท้าเด็กแนว” หนังทีวีซีรีย์ที่ทางไอทีวีนำมาฉายและเพิ่งจบไปไม่นานนี้เอง ต้องขอชมว่าเขาเป็นผู้กำกับมากความสามารถในหนังหลากหลายรูปแบบ แต่ไม่ถึงเป็นปรมาจารย์หนังคัลต์ในแขนง Horror คุณจะเห็นความแตกต่างได้อย่างชัดเจนในหนังของ Takashi กับ Renpei หนังของ Takashi จะกำกับได้ออกมาในมุมมองที่อึดอัด การตัดภาพย้อนไปย้อนมา ไปจนถึงฉากแหวะทั้งการฆ่าไปจนถึงผีในมุมมองของ Takashi ทำออกมาได้รุนแรงและสยอง ในขณะเดียวกัน หนัง Horror ที่ Renpei กำกับนั้นจะมีแนวทางของ Drama หรือ Romantic เข้ามาผสมด้วย (ในทุกเรื่องที่เขาเคยกำกับมา) ใน One Missed Call ภาคสองนี้ก็เช่นกัน ดูไปดูมาจนถึงตอนจบ ยังนึกว่านั่งดูหนัง Romance Drama สุดเศร้าผสม Horror ยังไงยั้งงั้นเลยทีเดียว จะว่าไปแล้วก็เป็นหนัง Horror อีกแบบที่ไม่ค่อยมีผีคลานหน้าขาวยั้วเยี้ยเต็มไปหมดทั้งเรื่อง

ใน One Missed Call 2 แทบจะไม่ค่อยมีฉากเลือดสาด แหวะ สยองเท่าในภาคแรก แต่กลับมีการเล่นบทบาทของตัวละครกับช่วงเวลาได้อย่างน่าสนใจ รวมถึงมุมมองของการ เสียสละ ความรักที่มีให้กันจนยอมตายแทนได้…นี่แหละคือความสามารถของ Renpei

เวลาหนึ่งปีผ่านไป หลังจากที่หลายคนรู้จัก “โทรศัทพ์มรณะ” ผ่านรายการโทรทัศน์ในภาคแรกแล้ว เหตุการณ์กลับมาเกิดขึ้นอีกครั้งในร้านอาหารแห่งหนึ่ง ด้วยโทรศัพท์ Missed Call ที่ผู้รับกดรับแล้วต้องเสียชีวิต หนังนำเอานักสืบอาวุโสโมโตมิยะในภาคแรกเป็นตัวละครเชื่อมต่อหนังทั้งสองภาค หนังเริ่มเฉลยข้อสงสัยในภาคหนึ่ง ทั้งเรื่องของยูมิในฉากสุดท้ายที่ถือมืดยืนอยู่ข้างเตียงของพระเอกที่หลายคนคิดว่าเรื่องราวคงจะจบไปด้วยดีแต่อาจจะไม่เป็นอย่างที่คุณคิดก็เป็นได้ จนถึงภูมิหลังทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับเด็กผีที่ทำร้ายน้องสาวตัวเอง ตัวหนังพยายามผูกเรื่องให้เห็นที่มาทั้งหมดในภาคแรกไปจนถึงสาเหตุของเรื่องราวความโกรธแค้นทั้งหมดที่มีที่มาจากไต้หวัน ในหมู่บ้านเหมืองแร่ ต้นตอความโกรธแค้นทั้งหมดมีมาจากเด็กคนหนึ่งที่มีพรสวรรค์รับรู้ว่า “ใครจะตายภายในกี่วัน” ไอ้พรสวรรค์ที่ว่าเนี่ย มันเกิดมาจากว่า ในหมู่บ้านมีโรคระบาด และสาวน้อยคนนี้แหละ พอจะรู้ว่าภายในกี่วันใครจะต้องตาย คนในหมู่บ้านไม่เชื่อเรื่องโรคระบาด กลับไปคิดว่า คำพูดที่ออกจากปากของเด็กคนนี้เป็นคำสาปมรณะที่เมื่อไร สาวน้อยพูดขึ้นมาว่าใครจะตาย แล้วคนคนนั้นจะต้องตายจริง…และนี่แหละคือสาเหตุของเรื่องราวทั้งหมดทั้งภาค 1 และภาค 2 หนังพยายามผูกคนทั้งหมดเกี่ยวเข้าด้วยกัน ให้เห็นว่า หนังมีน้ำหนักในความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครทั้งหมด

หนังเพิ่มความซับซ้อนจากการรับโทรศัทพ์ที่มีเสียงริงโทนมรณะแล้วคนรับจะต้องตายในภาคแรก มาเป็นเรื่องราวที่ว่า ริงโทนที่ดังมาที่โทรศัพท์ไม่จำเป็นต้องเป็นมือถือของตนเอง หากแต่ใครก็ตามที่รับโทรศัพท์ต้องตาย และตรงจุดนี้เอง Renpei นำมาเป็นจุดสำคัญในการพลิกเรื่องตอนจบที่มีการเสียสละชีวิตเพื่อคนรัก

ดูได้เรื่อยๆ ครับ สำหรับภาคสอง เป็นเหมือนหนังเฉลยเรื่องราวใน One Missed Call ทั้งหมด ใครที่หวังจะให้มีฉากผวา ซาดิสม์ สะดุ้งถี่ยิบอย่างในภาคแรก อาจจะต้องผิดหวังกันบ้าง ใครสนใจลองหามาดูได้…

โดย ศร-รณ (aka ถั่วเขียว ณ ทุ่งสังหาร)
Rating: 3.50 / 6.00


VN:F [1.9.22_1171]
Rating: 3.0/5 (1 vote cast)

Posted in Horror Movie Reviews, Horror Movies M - O Tagged with: , , , ,

One Missed Call (2003) สายไม่รับ ดับสยอง ผลงานจาก Takashi Miike
December 15th, 2012 by ฟิล์มสยอง
One Missed Call (2003) สายไม่รับ ดับสยอง ผลงานจาก Takashi Miike

One Missed Call (2003) สายไม่รับ ดับสยอง ผลงานจาก Takashi Miike

One Missed Call (Chakushin ari)(2003)
สายไม่รับ…ดับสยอง
นำแสดง: Kou Shibasaki (Yumi Nakamura), Shinichi Tsutsumi (Hiroshi Yamashita), Mariko Tsutsui (Mizunuma Marie), Kazue Fukiishi (Natsumi Konishi), Atsushi Ida (Kawai Kenji), Renji Ishibashi (Motomiya Detective), Goro Kishitani (Oka), Yutaka Matsushige (Fujieda Ichiro), Anna Nagata (Okazaki Yoko)
กำกับ: Takashi Miike
เขียนบท: Yasushi Akimoto, Minako Daira
ประเภท: Horror

One Missed Call (2003) สายไม่รับ ดับสยอง ผลงานจาก Takashi Miike

One Missed Call (2003) สายไม่รับ ดับสยอง ผลงานจาก Takashi Miike

“เขาเล่ากันว่า…
มีผู้หญิงคนหนึ่งตาย เพราะความเครียดแค้นชิงชัง…
เธอจะคืบคลานมาหาเราผ่านมือถือ…
จากหน่วยความจำหนึ่งไปสู่หน่วยความจำหนึ่ง…
ไปสู่คนต่อๆ ไป…”

คุณจะรู้สึกอย่างไรบ้าง ถ้ามีโทรศัพท์ที่ขึ้นชื่อตัวของคุณเองโทรเข้ามา ทิ้งเป็น Missed Call ไว้ และเมื่อคุณกดฟังข้อความนั้น กลับกลายเป็นเสียงของตัวคุณเอง และเป็นเสียงในอนาคตที่เป็นสัญญาณเตือนบอกว่า ‘คุณกำลังจะตาย!’

หนังเริ่มด้วยภาพของการสังสรรค์ชี้ให้เห็นความสัมพันธ์ของหนุ่มสาวนักศึกษามหาวิทยาลัยที่กำลังจะจัดทริปไปเที่ยว พร้อมกับการแลกเบอร์มือถือกันไว้ ระหว่างการสังสรรค์โทรศัพท์ของสาวในกลุ่มดังขึ้น พร้อมด้วยเสียงริงโทนที่เธอไม่เคยได้ตั้งเอาไว้ เสียงริงโทนดังจนหยุดไปและขึ้นข้อความ ‘missed call’ – ‘สายที่ไม่ได้รับ’ เมื่อสาวในกลุ่มกดฟังข้อความเสียงนั้น ปรากฏว่าเป็นเสียงของตัวเธอเองที่กำลังประสบความหายนะอยู่ และที่สำคัญข้อความที่ถูกส่งมานั้น ระบุวันที่อีกสามวันข้างหน้า…ความตายเริ่มคืบคลานไปสู่ผู้ที่มีชื่อในโทรศัพท์มือถือที่เกี่ยวข้องกัน และเมื่อมี Missed Call เข้ามาด้วยเสียงริงโทนสุดสยองนั้นแล้ว เขาผู้นั้นจะต้องตาย!

หลังจากดูหนังเรื่องนี้จบ หลายคนคงตั้งข้อสงสัยในหลายๆ เรื่อง หรืออาจจะคิดว่าหนังไม่ค่อยมีเหตุผลในเหตุการณ์หลายๆ ตอน ผมก็เป็นคนนึงที่คิดเช่นนั้นเหมือนกัน อย่างแค่ตอนจบที่ยูมิถือมีดยืนอยู่ข้างเตียงของยามาชิตะ พระเอกผู้ซึ่งตามหาความจริง เพราะเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นกับน้องสาวของเขาเองด้วย ยูมิก้มลง และคายลูกอมเม็ดสีแดงกลมโตให้ ยามาชิตะอมลูกอมและยิ้ม ซาวนด์ประกอบก็เปลี่ยนเป็นเพลงดนตรีสดใส ราวกับว่าเรื่องราวร้ายๆ ได้ผ่านพ้นไปแล้วนั้น…หลายคนคงนึกว่าเป็นอย่างงี้หรือเปล่าครับ ถ้าใช่..คุณอาจคิด ผิดครับ หากได้ดู One Missed Call : 2 ที่จะเฉลยข้อกังขา และความข้องใจในหลายๆ เรื่องได้ ยังไงลองหามาดูภาคสองด้วยละกัน

หนังเรื่องนี้ได้นางเอกมากความสามารถ ‘Shibasaki Kou’ เจ้าบทบาทแห่งหนังโคตรโหดอย่าง Battle Royal และพระเอกในเรื่องนี้เราคงคุ้นหน้ากันเพราะเป็นตัวนำในละครซีรีย์ญี่ปุ่นที่ชื่อ GoodLuck ซีรีย์ชื่อดังที่ไอทีวีนำมาฉาย เรียกว่านักแสดงในเรื่องมีส่วนช่วยให้ตัวหนังแข็งแรง และน่าดูมากยิ่งขึ้น

มาดูในส่วนของผู้กำกับหนังเรื่องนี้กันบ้าง…ลุง Takashi Miike ผู้กำกับหนังคัลต์ที่ทำหนังได้โรคจิตไม่เสื่อมคลายมารับหน้าที่กำกับหนังเรื่องนี้ ในเรื่องนี้ MinaKo Daira และ Yasushi Akimoto เขียนบท โดยใช้อุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่กลายเป็นสิ่งจำเป็นในชีวิตประจำวันของคนเรา นั่นคือ โทรศัพท์มือถือ มาเป็นตัวดำเนินเรื่อง ลุง Takashi แกมีเอกลักษณ์ในแผ่นฟิล์มดีครับ ดูแล้วได้อารมณ์ ราวกับมีลายเซ็นบนแผ่นฟิล์มอย่างไงอย่างงั้น สิ่งหนึ่งที่ลุง Takashi ชอบใช้ในหนังของแก คงไม่พ้น เรื่องราวที่มีอดีต เรื่องของการกดขี่เพศหญิง ความสัมพันธ์แบบวิปริตของครอบครัว และเรื่องนี้ก็เช่นกัน “ความรู้สึกแย่ๆ ที่มีต่อแม่” คือ สิ่งที่ยูมิ และผีเด็กที่มีความรู้สึกเดียวกัน การสื่อสารและจิตใต้สำนึกสามารถสื่อเข้าถึงกันได้…ลุง Takashi แกทำหนังเอาคนงงได้ไม่น้อยจากจุดตรงนี้…เรียกว่าหนังมันสามารถจินตนาการออกมาได้หลายรูปแบบครับ ลองคิดเล่นๆ กันไปก่อน และหาภาคสองมาดู น่าจะเฉลยข้อสงสัยหลายๆ อย่างได้ เห็นทางฮอลิวูดมีโครงการจะนำหนังเรื่องนี้มารีเมคกันด้วย คาดว่าถ้าทำออกมาจะเสร็จในปี 2007 นี้ ก็คงเหมือนหนังญี่ปุ่นหลายๆ เรื่องที่ถูกนำไปทำใหม่ในเวอร์ชั่นของฮอลิวูด คงต้องรอติดตามดูกันต่อไปครับ …


“พี่ชายคะ…คนแต่ละคนมีชะตาเป็นของตัวเอง” คำพูดที่เสมือนคีย์เวิร์ดของหนังเรื่องนี้ ก็ว่าได้ครับ…

อัพเดท 15/12/2012: ผมรีวิวหนังเรื่องนี้สักประมาณปี 2006 ได้นะครับ ก่อนหน้านี้ที่เขียนว่ามีข่าวว่าฮอลิวู้ดจะซื้อหนังเรื่องนี้ ก็เป็นไปตามนั้นนะครับ มีการซื้อและทำออกมาในฉบับฮอลิวู๊ดในปี 2008 ที่ผ่านมานี่เอง ใครได้ดูฉบับฮอลิวู้ดแล้ว ก็แสดงความคิดเห็นกันหน่อยครับว่าเป็นยังไงบ้าง เพราะผมยังไม่ได้ดูเลย ไว้มีโอกาสได้ดูจะนำมาเขียนให้ได้อ่านกันต่อไปครับ

โดย ศร-รณ (aka ถั่วเขียว ณ ทุ่งสังหาร)
Rating: 4.00 / 6.00


VN:F [1.9.22_1171]
Rating: 4.7/5 (3 votes cast)

Posted in Horror Movie Reviews, Horror Movies M - O Tagged with: , , , , , ,

Nude For Satan (1974) หนัง Erotic Horror จากผู้กำกับชาวอิตาเลี่ยน
December 13th, 2012 by ฟิล์มสยอง
Nude For Satan (1974) หนัง Erotic Horror จากผู้กำกับชาวอิตาเลี่ยน

Nude For Satan (1974) หนัง Erotic Horror จากผู้กำกับชาวอิตาเลี่ยน

Nude for Satan (1974)
Nuda per Satana
นำแสดง: Rita Caldana (Susan Smith/Evelyn as Rita Calderoni), James Harris (Giuseppe Mattei), Renato Lupi (Butler), Iolanda Mascitti (Servant Girl), Barbara Lay (Brown coven member), Augusto Boscardini (Naked man), Alfredo Pasti (Naked man), Stelio Candelli (Dr. William Benson/Peter)
กำกับและเขียนบท: Luigi Batzella
ประเภท: Horror / Nudity

Nude For Satan (1974) หนัง Erotic Horror จากผู้กำกับชาวอิตาเลี่ยน

Nude For Satan (1974) หนัง Erotic Horror จากผู้กำกับชาวอิตาเลี่ยน

ในขณะที่ดอกเตอร์เบนสัน กำลังขับรถออกนอกเมืองเพื่อรีบไปรักษาคนไข้ที่กำลังป่วยหนัก เขาได้ขับผ่านจุดเกิดอุบัติเหตุรถชน และได้ช่วยเหลือหญิงสาวสวยที่สลบอยู่ในรถคันที่เกิดอุบัติเหตุ ดอกเตอร์เบนสันพยายามขับรถมุ่งหน้าไปขอความช่วยเหลือจากบ้านเรือนที่อยู่บริเวณนั้น และได้มาเจอกับคฤหาสน์หลังงาม ดอกเตอร์ส่งเสียงร้องทักทายคนในคฤหาสน์ดังกล่าว…จนมีหญิงสาวคนหนึ่งออกมาเปิดประตูให้ เหตุการณ์ความผิดเพี้ยน มนต์ดำ คาถา และซาตานได้เริ่มต้นขึ้น เมื่อดอกเตอร์เบนสันได้พบว่า หญิงสาวที่มาเปิดประตูให้เขานั้น หน้าตาเหมือนกับผู้หญิงที่เขาช่วยเหลือจากอุบัติเหตุ!

Luigi Batzella ผู้กำกับหนังสยอง อิโรติก ชาวอิตาเลียนที่ชื่นชอบในทางของตำนาน Vampire, Satanic อาจไม่ได้เทียบชั้นเท่าผู้กำกับหนังคัลต์สัญชาติเดียวกันอย่าง Dario Argento หรือ Lucio Fulci ผู้สร้างตำนานหนังสยองชั้น “คัลต์” ก็ตาม แต่ Luigi Batzella ก็ได้ฝากงานสยองขวัญในแนวทางของเขาไว้ให้เป็นอีกทางเลือกหนึ่งของแฟนหนังสยองที่นิยมตำนานแวมไพร์ และซาตานิก โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้นิยมติดตามผลงานของผู้กำกับสัญชาติอิตาเลี่ยน

Nude for Satan ใช้บทหนังง่ายๆ ไม่ซับซ้อน ไม่ต้องคาดเดาให้ปวดหัว คุณอาจสับสนกับหน้าตาของนักแสดงที่คล้ายคลึงกันบ้าง จนไม่รู้ว่าใครเป็นใคร หรือไม่คุณก็มัวแต่เพ่งนมของเจ้าหล่อนที่ชูชันงามงอมน่าดึงดูดเป็นที่สุด…Nude for Satan เป็นหนังสยองที่ใช้ความเป็นเซอร์เรียลเข้ามาช่วยให้ได้อารมณ์หลอน เพี้ยน เสริมแต่งด้วยซาวนด์ขำๆ แปลกๆ ตามสไตล์หนังสยองยุค 70’s ที่นิยมใช้กันเหลือเกิน นี่เป็นอีกหนึ่งในหนังสยองต้นทุนต่ำเข้าชั้น ‘หนังขยะ’ สุดคลาสสิกที่แฟนหนังขยะคลั่งไคล้กันไม่น้อย ใครสนใจงานยุค 70’s อารมณ์หนังพี้ยา เต็มไปด้วยภาพลวงตา และนมงาม ๆ ก็ติดตามหามาดูได้ครับ

โดย ศร-รณ (aka ถั่วเขียว ณ ทุ่งสังหาร)
Rating: 2.50 / 6.00

VN:F [1.9.22_1171]
Rating: 2.7/5 (3 votes cast)

Posted in Horror Movie Reviews, Horror Movies M - O Tagged with: , , , ,

The Nun (2005) หนังผีแม่ชีสเปน!
December 12th, 2012 by ฟิล์มสยอง
The Nun (2005) หนังผีแม่ชีสเปน แค้นนี้ต้องชำระ

The Nun (2005) หนังผีแม่ชีสเปน แค้นนี้ต้องชำระ

The Nun (2005)
La monja
นำแสดง: Belen Blanco (Julia), Oriana Bonet (Eulalia), Anita Briem (Eva), Tete Delgado (Cristy), Natalia Dicenta (Susana), Alistair Freeland (Joel), Manu Fullola (Gabriel), Paulina Galvez (Zoe), Lola Marceli (Mary), Cristina Piaget (The Nun), Montse Pla (Joana)
กำกับ: Luis De La Madrid
เขียนบท: Jaume Balaguero, Manu Diez
ประเภท: Horror

The Nun (2005) หนังผีแม่ชีสเปน!

The Nun (2005) หนังผีแม่ชีสเปน!

เรื่องย่อ: กลุ่มนักเรียนหญิงวัย 15 ปี 6 คนต้องทนทุกข์อยู่ในโรงเรียนประจำแห่งหนึ่ง แต่ละวันพวกเธอต้องเผชิญกับแม่ชีที่ทั้งคุกคามและปฏิบัติต่อพวกเธออย่างทารุณ วันหนึ่งแม่ชีคนนั้นพบว่านักเรียนคนหนึ่งในกลุ่มตั้งท้อง เธอรู้สึกอับอายมาก และพยายามจะชำระความบริสุทธิ์ให้ เพื่อนๆของนักเรียนสาวคนนั้นเห็นเธอทรมาน ด้วยความกลัวระคนโกรธแค้น ทั้งหกจึงตัดสินใจช่วยเพื่อนเอาไว้ หลังจากวันนั้นก็ไม่มีใครเห็นแม่ชีคนนั้นอีกเลย และไม่กี่สัปดาห์โรงเรียนแห่งนั้นก็ถูกปิด

…17 ปีต่อมา นักเรียนสาว 6 คนนั้นต่างก็มีชีวิตของตนเอง พวกเธอสร้างชีวิตใหม่โดยไม่ติดต่อกันเลย เพราะต่างก็หวังว่าความลับครั้งนั้นจะถูกฝังไว้ในอดีตตลอดกาล แต่แล้วคืนหนึ่ง 1 ใน 6 ของกลุ่มนั้นก็ถูกฆ่าตายอย่างโหดเหี้ยม ไม่กี่วันถัดมาอีกคนหนึ่งก็กลายเป็นศพในสภาพที่สยดสยองไม่แพ้กัน หญิงสาวที่เหลือเริ่มคิดว่าการตายของเพื่อนๆอาจมีบางอย่างเกี่ยวพันกัน และหากเป็นเช่นนั้น ชีวิตของพวกเธอก็กำลังตกอยู่ในอันตราย ทั้งหมดจึงจำต้องกลับมารวมตัวกันอีกครั้งเพื่อหาทางหยุดวิญญาณแม่ชีตนนี้ก่อนที่พวกเธอจะกลายเป็นศพต่อไป เพราะทุกคนรู้ดีว่าแม่ชีตนนั้นกลับมาแล้ว และกำลังออกแก้แค้น…

…ทางเดียวที่จะหยุดเรื่องราวนี้ได้ก็คือต้องกลับไปยังจุดเริ่มต้น นั่นก็คือ โรงเรียนประจำแห่งนั้น อีวา คือ สาวน้อยวัย 17 ปี ที่สูญเสียแม่ไปจากการออกล้างแค้นของผีแม่ชี เธอร่วมมือกับเพื่อนๆ หาทางหยุดความคลั่งของแม่ชีตนนี้ แต่การออกตามหาความจริงครั้งนี้กลับทำให้เธอได้ค้นพบอดีตอันดำมืดและน่ากลัวของตนเอง

แม่ชีสเปน…
กำลังคิดอยู่ว่า แม่ชีสเปน จะเหมือนแมลงวันสเปนด้วยหรือเปล่า? (ไม่ได้เกี่ยวกันเลย) หนังแม่ชีจากสเปนเรื่องนี้สร้างในปี 2005 ครับ แต่บ้านเราเอามาฉายกันเมื่อประมาณต้นปี 2006 (ถ้าจำไม่ผิด) โดยมงคลเมเจอร์ ผีแม่ชี ถูกเขียนบทภาพยนตร์โดย Jaume Balaguero ผู้ซึ่งเคยฝากผลงานสุดตราตึงไว้ให้เราชมแล้วกับเรื่อง The Nameless หนัง Horror สุดคลาสสิกเมื่อปลายยุค 90 จนมาถึง Darkness หนัง Horror อีกเรื่องที่เขารับหน้าที่ทั้งเขียนบทและกำกับ นอกจากนั้น หนังที่เข้าฉายบ้านเราในเดือนพฤศจิกายน ปี 2006 เรื่อง Fragiles ก็เป็นผลงานการเขียนบทของเขาด้วยเช่นกัน (ที่จริงเรื่องนี้ สร้างในปี 2005 ครับ) และ The Nun ยังเป็นผลผลิตอีกชิ้นของ Brian Yuzna (ในหนัง ฉากที่อยู่บนเครื่องบิน ที่ Eve กำลังเดินทางไปสเปน และได้ดูหนังของ Brian Yuzna บนเครื่องบินด้วย…กลัวเขาไม่รู้กันหรือไงว่า นี่เป็นหนังของ พี่ Yuzna อิ อิ) ที่สร้างชื่อจากการกำกับหนัง The Dentist, หนังตระกูล Re-Animator และหนัง Horror อีกหลายเรื่อง…จะว่าไปนี่คือ เหตุผลที่ผมหยิบหนังผีแม่ชี มาดูครับ เพราะเท่าที่อ่านเรื่องย่อมาตั้งแต่หนังเข้าฉาย แล้วก็ไม่ได้ดึงดูดอะไรให้อยากดูเลย…

แล้วก็เป็นอย่างที่คาดครับ ตัวหนังไม่ได้มีอะไรหวือหวา ฉากน่ากลัวก็ไม่ได้น่ากลัว หรือ หลอกหลอน กดดันอย่างอึดอัด ตัวหนังกลับทำได้เชื่องช้า ผีแม่ชีที่ถูกกดน้ำตาย ก็จะปรากฏตัวโดยผ่านสื่อทางน้ำ เหมือนได้แรงบันดาลใจจากหนังผีเอเซียบ้านเราในหลายๆ เรื่อง ที่ผีปรากฏตัวผ่านสื่อตัวกลางทาง ‘น้ำ’ และก็ไม่ได้ขายความรุนแรง และเรื่องทางเพศในแบบหนังจำพวก Nunsploitation ชอบใช้อีกด้วย

จุดดีจุดเดียว น่าจะเป็นในเรื่องของบทภาพยนตร์ การนำความเชื่อทางศาสนา ในเรื่องบาปมาเชื่อมโยงโดยผ่านชื่อของตัวเอกในเรื่องทั้ง 6 คน กับลีลาการตายที่แตกต่างกัน ตามเรื่องเล่าทางศาสนา ที่กลายมาเป็นจุดพีคของเรื่อง…

หนังไม่ได้ให้ลุ้นอะไรมากครับ มีตอนจบที่หักมุมด้วยคำเฉลยของหนุ่มที่เป็นแฟนเพื่อนนางเอกคนนึง ที่ไม่รู้ว่าอยู่ดี ๆ เกิดฉลาดปะติดปะต่อเรื่องราวต่างๆ ได้อย่างลงตัวทั้งหมดได้อย่างไรกัน หรือว่า หนังต้องการหักมุมให้จบลงซะงั้น ดื้อ ๆ ก็ว่าได้ ใครอยากดู แม่ชีผีสเปน ก็ลองไปหาซึ้อ ดีวีดี วีซีดี ที่ขายอยู่เกลื่อนตามบ้านเราได้ครับ มีลิขสิทธิ์ออกมาให้ได้สะสมกัน

โดย ศร-รณ (aka ถั่วเขียว ณ ทุ่งสังหาร)
Rating: 2.00 / 6.00

VN:F [1.9.22_1171]
Rating: 2.8/5 (5 votes cast)

Posted in Horror Movie Reviews, Horror Movies M - O Tagged with: , , , , ,