One Missed Call (2003) สายไม่รับ ดับสยอง ผลงานจาก Takashi Miike
December 15th, 2012 by ฟิล์มสยอง
One Missed Call (2003) สายไม่รับ ดับสยอง ผลงานจาก Takashi Miike

One Missed Call (2003) สายไม่รับ ดับสยอง ผลงานจาก Takashi Miike

One Missed Call (Chakushin ari)(2003)
สายไม่รับ…ดับสยอง
นำแสดง: Kou Shibasaki (Yumi Nakamura), Shinichi Tsutsumi (Hiroshi Yamashita), Mariko Tsutsui (Mizunuma Marie), Kazue Fukiishi (Natsumi Konishi), Atsushi Ida (Kawai Kenji), Renji Ishibashi (Motomiya Detective), Goro Kishitani (Oka), Yutaka Matsushige (Fujieda Ichiro), Anna Nagata (Okazaki Yoko)
กำกับ: Takashi Miike
เขียนบท: Yasushi Akimoto, Minako Daira
ประเภท: Horror

One Missed Call (2003) สายไม่รับ ดับสยอง ผลงานจาก Takashi Miike

One Missed Call (2003) สายไม่รับ ดับสยอง ผลงานจาก Takashi Miike

“เขาเล่ากันว่า…
มีผู้หญิงคนหนึ่งตาย เพราะความเครียดแค้นชิงชัง…
เธอจะคืบคลานมาหาเราผ่านมือถือ…
จากหน่วยความจำหนึ่งไปสู่หน่วยความจำหนึ่ง…
ไปสู่คนต่อๆ ไป…”

คุณจะรู้สึกอย่างไรบ้าง ถ้ามีโทรศัพท์ที่ขึ้นชื่อตัวของคุณเองโทรเข้ามา ทิ้งเป็น Missed Call ไว้ และเมื่อคุณกดฟังข้อความนั้น กลับกลายเป็นเสียงของตัวคุณเอง และเป็นเสียงในอนาคตที่เป็นสัญญาณเตือนบอกว่า ‘คุณกำลังจะตาย!’

หนังเริ่มด้วยภาพของการสังสรรค์ชี้ให้เห็นความสัมพันธ์ของหนุ่มสาวนักศึกษามหาวิทยาลัยที่กำลังจะจัดทริปไปเที่ยว พร้อมกับการแลกเบอร์มือถือกันไว้ ระหว่างการสังสรรค์โทรศัพท์ของสาวในกลุ่มดังขึ้น พร้อมด้วยเสียงริงโทนที่เธอไม่เคยได้ตั้งเอาไว้ เสียงริงโทนดังจนหยุดไปและขึ้นข้อความ ‘missed call’ – ‘สายที่ไม่ได้รับ’ เมื่อสาวในกลุ่มกดฟังข้อความเสียงนั้น ปรากฏว่าเป็นเสียงของตัวเธอเองที่กำลังประสบความหายนะอยู่ และที่สำคัญข้อความที่ถูกส่งมานั้น ระบุวันที่อีกสามวันข้างหน้า…ความตายเริ่มคืบคลานไปสู่ผู้ที่มีชื่อในโทรศัพท์มือถือที่เกี่ยวข้องกัน และเมื่อมี Missed Call เข้ามาด้วยเสียงริงโทนสุดสยองนั้นแล้ว เขาผู้นั้นจะต้องตาย!

หลังจากดูหนังเรื่องนี้จบ หลายคนคงตั้งข้อสงสัยในหลายๆ เรื่อง หรืออาจจะคิดว่าหนังไม่ค่อยมีเหตุผลในเหตุการณ์หลายๆ ตอน ผมก็เป็นคนนึงที่คิดเช่นนั้นเหมือนกัน อย่างแค่ตอนจบที่ยูมิถือมีดยืนอยู่ข้างเตียงของยามาชิตะ พระเอกผู้ซึ่งตามหาความจริง เพราะเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นกับน้องสาวของเขาเองด้วย ยูมิก้มลง และคายลูกอมเม็ดสีแดงกลมโตให้ ยามาชิตะอมลูกอมและยิ้ม ซาวนด์ประกอบก็เปลี่ยนเป็นเพลงดนตรีสดใส ราวกับว่าเรื่องราวร้ายๆ ได้ผ่านพ้นไปแล้วนั้น…หลายคนคงนึกว่าเป็นอย่างงี้หรือเปล่าครับ ถ้าใช่..คุณอาจคิด ผิดครับ หากได้ดู One Missed Call : 2 ที่จะเฉลยข้อกังขา และความข้องใจในหลายๆ เรื่องได้ ยังไงลองหามาดูภาคสองด้วยละกัน

หนังเรื่องนี้ได้นางเอกมากความสามารถ ‘Shibasaki Kou’ เจ้าบทบาทแห่งหนังโคตรโหดอย่าง Battle Royal และพระเอกในเรื่องนี้เราคงคุ้นหน้ากันเพราะเป็นตัวนำในละครซีรีย์ญี่ปุ่นที่ชื่อ GoodLuck ซีรีย์ชื่อดังที่ไอทีวีนำมาฉาย เรียกว่านักแสดงในเรื่องมีส่วนช่วยให้ตัวหนังแข็งแรง และน่าดูมากยิ่งขึ้น

มาดูในส่วนของผู้กำกับหนังเรื่องนี้กันบ้าง…ลุง Takashi Miike ผู้กำกับหนังคัลต์ที่ทำหนังได้โรคจิตไม่เสื่อมคลายมารับหน้าที่กำกับหนังเรื่องนี้ ในเรื่องนี้ MinaKo Daira และ Yasushi Akimoto เขียนบท โดยใช้อุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่กลายเป็นสิ่งจำเป็นในชีวิตประจำวันของคนเรา นั่นคือ โทรศัพท์มือถือ มาเป็นตัวดำเนินเรื่อง ลุง Takashi แกมีเอกลักษณ์ในแผ่นฟิล์มดีครับ ดูแล้วได้อารมณ์ ราวกับมีลายเซ็นบนแผ่นฟิล์มอย่างไงอย่างงั้น สิ่งหนึ่งที่ลุง Takashi ชอบใช้ในหนังของแก คงไม่พ้น เรื่องราวที่มีอดีต เรื่องของการกดขี่เพศหญิง ความสัมพันธ์แบบวิปริตของครอบครัว และเรื่องนี้ก็เช่นกัน “ความรู้สึกแย่ๆ ที่มีต่อแม่” คือ สิ่งที่ยูมิ และผีเด็กที่มีความรู้สึกเดียวกัน การสื่อสารและจิตใต้สำนึกสามารถสื่อเข้าถึงกันได้…ลุง Takashi แกทำหนังเอาคนงงได้ไม่น้อยจากจุดตรงนี้…เรียกว่าหนังมันสามารถจินตนาการออกมาได้หลายรูปแบบครับ ลองคิดเล่นๆ กันไปก่อน และหาภาคสองมาดู น่าจะเฉลยข้อสงสัยหลายๆ อย่างได้ เห็นทางฮอลิวูดมีโครงการจะนำหนังเรื่องนี้มารีเมคกันด้วย คาดว่าถ้าทำออกมาจะเสร็จในปี 2007 นี้ ก็คงเหมือนหนังญี่ปุ่นหลายๆ เรื่องที่ถูกนำไปทำใหม่ในเวอร์ชั่นของฮอลิวูด คงต้องรอติดตามดูกันต่อไปครับ …


“พี่ชายคะ…คนแต่ละคนมีชะตาเป็นของตัวเอง” คำพูดที่เสมือนคีย์เวิร์ดของหนังเรื่องนี้ ก็ว่าได้ครับ…

อัพเดท 15/12/2012: ผมรีวิวหนังเรื่องนี้สักประมาณปี 2006 ได้นะครับ ก่อนหน้านี้ที่เขียนว่ามีข่าวว่าฮอลิวู้ดจะซื้อหนังเรื่องนี้ ก็เป็นไปตามนั้นนะครับ มีการซื้อและทำออกมาในฉบับฮอลิวู๊ดในปี 2008 ที่ผ่านมานี่เอง ใครได้ดูฉบับฮอลิวู้ดแล้ว ก็แสดงความคิดเห็นกันหน่อยครับว่าเป็นยังไงบ้าง เพราะผมยังไม่ได้ดูเลย ไว้มีโอกาสได้ดูจะนำมาเขียนให้ได้อ่านกันต่อไปครับ

โดย ศร-รณ (aka ถั่วเขียว ณ ทุ่งสังหาร)
Rating: 4.00 / 6.00


VN:F [1.9.22_1171]
Rating: 4.7/5 (3 votes cast)

Posted in Horror Movie Reviews, Horror Movies M - O Tagged with: , , , , , ,

MPD-Psycho Series1.Part 5&6(2001) โดย Takashi Miike
November 25th, 2012 by ฟิล์มสยอง
MPD-Psycho Series1.Part 5&6(2001) โดย Takashi Miike

MPD-Psycho Series1.Part 5&6(2001) โดย Takashi Miike

MPD-PSYCHO
Series1. Part 5 & 6 (2001)
นำแสดง: Tomoko Nakajima, Rieko Miura, Nae Yuki, Ren Osugi ,Naoki Hosaka
กำกับ: Takashi Miike / ทาคาชิ มิอิเกะ
เขียนบท: Eiji Otsuka (จากนวนิยายของ Eiji Otsuka)
ประเภท: Horror/Thriller/Crime/Mytery

MPD-Psycho Series1.Part 5&6(2001) โดย Takashi Miike

MPD-Psycho Series1.Part 5&6(2001) โดย Takashi Miike

Case 05. Coronation of Cursed King
Case 06. Ascension of Spirits

เริ่มต้นด้วยความเข้มข้นของคดีการบูชายันฆ่าตัวตายด้วยการเผาตัวเองของเด็กนักเรียนไฮสกูล กลุ่มนักสืบได้ตามรอยเจ้า Nichizono Shinji ผู้ต้องสงสัยอันดับหนึ่ง ว่าเหตุการณ์การบูชายันเผาตัวเองจะเป็นฝีมือของเจ้า Nichizono อีกแล้ว รอยต่อทั้งหมดถูกเชื่อมต่อกันเมื่อกลุ่มนักสืบพบว่าเหตุการณ์ดังกล่าวกำลังจะเกิดขึ้นที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง นักสืบอามามิยะและพรรคพวกต้องไปพบเจอกับชั้นที่ 13 ในโรงพยาบาลแห่งนั้นที่เป็นศูนย์บัญชาการของ Nichizono เขาและพรรคพวกต้องพบเจอกับร่างใหม่ที่ Nichizono เข้าสิง นั้นคือ ร่างของผู้ชายผู้มีบุคลิกแปลกแยก มีแฟนสาวในแบบ Cyber Girlfriend ผู้ชายท่าทางขี้โรคแต่แท้ที่จริงแล้วเขาคือ Nichizono ผู้บงการการฆ่าตัวตายบูชายันต์โดยการเผาร่างตัวเอง

เนื้อเรื่องในพาร์ตที่ 6 ยังคงต่อเนื่องอยู่ และในพาร์ตนี้เอง เรื่องชี้ไปที่ Machi (เจ้าของ Criminal Research Center) ลูกหลานใน Generation แรกของ Lucy Monostone ผู้นำลัทธิตัวร้าย Machi กำลังจะขยายเผ่าพันธุ์ของ Lucy Monostone ความเกี่ยวพันธ์ระหว่าง Machi, Lucy Monostone ไปจนถึง อามามิยะ และ Nichizono Shinji มาคลายปมกันในพาร์ตนี้ครับ เล่าไปเดี๋ยวจะไม่สนุก ติดตามกันเอาเองในเรื่อง…

ซีรีย์สองตอนสุดท้ายที่พร้อมจะคลี่คลายปัญหาความสงสัยทั้งหมด…
สองตอนสุดท้ายที่ยังคงไม่ท้ายสุดของ MPD-Psycho ซีรียส์สืบสวนสอบสวน ลึกลับ หักปม และสยองในแบบฉบับของ Takashi Miike ทั้งสองตอนสุดท้ายนี้ หนังได้เฉลยปมปัญหา ความลับ ทุกอย่างเกี่ยวกับตัวละครทั้งหมดในเรื่อง เริ่มตั้งแต่อามามิยะ , Nishizono Shinji, เจ้าของร้าน Snuff Film ผู้คอยติดตามเรื่องราวของเจ้า Nishizono Shinji เพื่อที่จะได้ภาพในลักษณะของ Reality รูปแบบ Snuff Film ไปจนถึงเรื่องราวที่ไม่คาดฝันเกี่ยวกับ มาจิ สาวผู้เป็นเจ้าของ Criminal Research Center สถาบันที่ มาจิ ตั้งขึ้นมาเพื่อจุดประสงค์บางอย่างที่ทำให้คนดูอาจจะอึ้งไปตาม ๆ กันเมื่อดูกันถึงพาร์ทที่ 6

บทพูดมากมาย…
ใครที่ได้ดูหนังของ Takashi Miike มาแล้ว คงจะทราบดีถึงการใช้ภาพ เสียง และ การถ่ายทำถ่ายทอดเรื่องราวความโหดสยองมากกว่าบทพูด แต่มาใน MPD-Psycho สองพาร์ตสุดท้ายนี้จะถูกถ่ายทอดด้วยบทพูดที่คุณเองอาจจะต้องตั้งใจดูกันเป็นพิเศษหน่อยถึงจะรู้เรื่อง และยิ่งหนังแบบนี้ที่ยังไม่มีลิขสิทธิ์ให้ดูกัน เราคงต้องดูกันในแบบที่เป็นซับไตเติ้ลภาษาอังกฤษ ถ้าใครอังกฤษแข็งพอก็ ok ครับ แต่หากใครยังไม่แข็งแรงพอ ก็แนะนำให้เอาดิกชันนารีไว้ข้างกาย แปลดูไปด้วยจะได้รับรู้เนื้อหาและเสพหนังได้ อรรถรสมากขึ้นครับ (ปัจจุบัน น่าจะมีคนทำซับไทยออกมาแล้วนะครับ อันนี้ไม่แน่ใจเหมือนกัน ลองหาดู) ยิ่งในพาร์ต 6 ที่เน้นบทพูดให้เราได้รู้ว่าอะไรเป็นอะไร พาร์ตที่คลายปมปริศนาในทุกๆ อย่าง

ในแบบฉบับของซีรีย์ MPD-Psycho…
ทั้งฝนจากกราฟฟิค, ร้าน Snuff Film, ห้อง Task Force ในกรมตำรวจ, ฉากบนชิงช้าสวรรค์, ภาพการ์ตูน, เสียงเพลงของ Lucy Monostone ยังคงถูกถ่ายทอดในลักษณะเดียวกันกับสี่พาร์ตที่ผ่านมา ซึ่งเป็นเอกลักษณ์และแบบฉบับของหนังเรื่องนี้อย่างแท้จริง ล่าสุดที่ได้อ่านข่าวเจอคือ หนังเรื่อง MPD-Psycho ถูกทาง Dimension Films ซื้อโปรเจ็กต์นี้เพื่อนำไปทำใหม่ในแบบฉบับของฝรั่งด้วย ผมคนหนึ่งครับ ที่รอติดตามหนังในแบบที่ฝรั่งจะนำไปสร้างอยู่ ไม่รู้ว่าองค์ประกอบต่างๆ ที่มีอยู่ในแบบฉบับของลุง Takashi Miike จะถูกนำไปถ่ายทอดในแบบฉบับของ ฝรั่งยังไงบ้าง คงต้องรอดูกันไปครับ

โดย ศร-รณ (aka ถั่วเขียว ณ ทุ่งสังหาร)
Rating: 5.00 / 6.00

VN:F [1.9.22_1171]
Rating: 5.0/5 (1 vote cast)

Posted in Horror Movie Reviews, Horror Movies M - O Tagged with: , , ,

MPD-Psycho Series1.Part 3&4(2000)
November 25th, 2012 by ฟิล์มสยอง
MPD-Psycho Series1.Part 3&4(2000) โดย Takashi Miike

MPD-Psycho Series1.Part 3&4(2000) โดย Takashi Miike

MPD-PSYCHO
Series1. Part 3 & 4 (2000)
นำแสดง: Chiaki Kuriyama,Tomoko Nakajima, Rieko Miura, Nae Yuki, Ren Osugi ,Naoki Hosaka
กำกับ: Takashi Miike / ทาคาชิ มิอิเกะ
เขียนบท: Eiji Otsuka (จากนวนิยายของ Eiji Otsuka)
ประเภท: Horror/Thriller/Crime/Mytery

MPD-Psycho Series1.Part 3&4(2000)

MPD-Psycho Series1.Part 3&4(2000)

Case 03. Life is a Constant Double Helix.
Case 04. Smashed Ants.
หลังจากปล่อยคดี 1 และ 2 ออกมาไม่นาน Case 3 และ 4 ก็ตามมาด้วยความตั้งใจรอของบรรดาสาวก Takashi ที่เริ่มติด MPD-Psycho กันอย่างงอมแงม

เหตุเริ่มต้นในโรงเรียนกับการฆ่าตัวตายหมู่ของนักเรียนสาวกว่า 40 ชีวิต กับบทเทศน์ที่พูดถึงจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุดของมนุษยชาติ (Alpha และ Omega) เด็กสาวที่มีบาร์โค้ดที่ตาข้างซ้าย เริ่มมีพัฒนาการของเผ่าพันธุ์มากขึ้น โดยบาร์โค้ดจะกลายเป็๋นสีแดง และประชากรในภาคนี้บอกให้เห็นถึงสาเหตุที่ทำให้เด็กเกิดใหม่เหล่านี้มีบาร์โค้ดเพิ่มมากขึ้น เหตุที่เกิดมาจาก 25 ปีก่อน ทางรัฐบาลญี่ปุ่นได้เก็บตัวอย่าง DNA ของประชากรทั้งหมดไว้ และการสร้างบาร์โค้ดขึ้นมาก็เปรียบเสมือนบัตรประชาชน รัฐบาลสามารถควบคุมพฤติกรรมของคนเหล่านี้ได้ทั้งหมด…นี่แหละ เป็นยุคใหม่ของประชากรญี่ปุ่นที่น่ากลัวไม่น้อย

นักสืบอามามิยะ จึงต้องเข้าไปคลุกคลีกับเด็กนักเรียนเหล่านี้ด้วยการปลอมไปเป็นอาจารย์สอนภาษาอังกฤษ นักสืบอามามิยะก็พบเหตุการณ์ผิดปกติเข้าจนได้… เด็กนักเรียนมีพฤติกรรมแปลกๆ ทั้งการเดินสวนสนามราวชาติคอมมิวนิสต์ หัวสมองของเด็กเหล่านี้เก่งกาจเกินกว่าเด็กรุ่นเดียวกัน จนถึงโครงการ P-Net ที่เด็กนักเรียนหลายคนพูดถึง จนทำให้อามามิยะต้องเข้าไปสืบสวนเรื่องราวเหล่านี้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในพาร์ต 3 นี้ มีประเด็นที่น่าสนใจเกี่ยวกับการ transfer พลังงานของฆาตรกร Nishizono Shinji ด้วย อยากให้ติดตามกันอย่างใกล้ชิดเลย

สำหรับในพาร์ต 4 เรื่องราวยังคงดำเนินด้วยตัวละครวัยรุ่น กล่าวถึงความรุนแรงของเด็กนักเรียนอันทพาล เชื่อมโยงเกมปริศนาบิงโก กับฆาตรกรชิ้นสวนมนุษย์ ที่ถูกเขียนหมายเลขไว้ตามชิ้นส่วนต่าง ๆ (Killing By Number) เหตุการณ์เริ่มเข้มข้นขึ้น เมื่อเจ้าของร้าน Snuff film, หัวหน้าตำรวจ ไปจนถึงนักสืบใน Criminal Research Center โยงใยไปถึง ฆาตกรสุดโหดอย่าง Nishizono Shinji กับเรื่องราวในอดีตของนักสืบอามามิยะ ทั้งสองคนนี้จะเกี่ยวข้องกันอย่างไร ใน Part 3 & 4 นี้แหละ จะทำให้คุณเข้าใจ MPD-Psycho มากขึ้นครับ

ใน Part 3 & 4 Takashi เริ่มใช้เด็กวัยรุ่นเป็นตัวเอกนำเรื่องราวทั้งหมดไปสู่กุญแจไขความลับของ Amamiya และ Nishizono Shinji เหตุที่ Takashi ใช้เด็กวัยรุ่น ก็ต่อเนื่องมาจาก Part 2 ที่เป็นเรื่องราวของฆาตรกรโหดขโมยทารกในครรภ์มารดามาเลี้ยงดูเพื่อให้เติบใหญแพร่พันธุ์เหล่าสาวกที่มีบาร์โค้ดที่ตาซ้าย เป็นการดำเนินเรื่องอย่างรวดเร็ว และทำให้ความเข้าใจในหลายๆ ตอนที่คนดูอาจจะงงใน Part 1 & 2 การคลี่คลายปริศนาทีละเปาะอย่างแยบยล น่าสนใจไม่น้อย สำหรับใน Part 3 ยังได้ Chiaki Kuriyama สาวน้อยสุดน่ารักจากภาพยนตร์โหด “Kill Bill” มาร่วมเป็นแขกพิเศษรับเชิญมาร่วมสังหารหมู่อีกด้วย

ฉากสยองๆ ในสไตล์ของ Takashi ในภาคนี้ ก็มีให้ดูกันอย่างต่อเนื่อง ต้องบอกไว้ก่อนว่า ‘ฉากสยองในสไตล์ของ Takashi’ ที่ว่านี้ ไม่จำเป็นต้องมีเลือดสาด หรือ ฉากชำแหละสุดโหดเท่านั้น ทว่าเป็นฉากที่ทำให้เราต้องคิดตาม ซึ่งหากมองภาพออกล่ะก็ คุณจะสยองไปกับความคิดสุดโรคจิตของ Takashi เลยทีเดียว นอกจากนี้ยังมีฉากทำนองสยองขำขันให้ได้ดูกันอีกด้วย…

…ปมปริศนาเริ่มคลายออกถึงความลับที่เกี่ยวข้องกันระหว่าง Amamiya และ Nishizono…
…เบื้องหลังของหญิงสาวนักสืบที่ใกล้ชิดกับ Amamiya ที่รู้เรื่องราวในอดีตของเขาเป็นอย่างดี…
…ชายตาเดียวผู้สร้าง Snuff Film ที่คอยช่วยเหลือนักสืบ…เขามีวีดีโอที่ซ่อนเรื่องราวในอดีตของ Amamiya ด้วย…
เรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อนั้น ติดตามได้ที่ Part 5 & 6 ครับ

โดย ศร-รณ (aka ถั่วเขียว ณ ทุ่งสังหาร)
Rating: 5.50 / 6.00

VN:F [1.9.22_1171]
Rating: 5.0/5 (1 vote cast)

Posted in Horror Movie Reviews, Horror Movies M - O Tagged with: , , , ,

MPD - Psycho Series1: Part 1& 2 โดย Takashi Miike
November 25th, 2012 by ฟิล์มสยอง
MPD - Psycho Series1: Part 1& 2 โดย Takashi Miike

MPD – Psycho Series1: Part 1& 2 โดย Takashi Miike

MPD-PSYCHO
Series1. Part 1 & 2 (2000)
นำแสดง: Tomoko Nakajima, Rieko Miura, Nae Yuki, Ren Osugi ,Naoki Hosaka
กำกับ: Takashi Miike / ทาคาชิ มิอิเกะ
เขียนบท: Eiji Otsuka (จากนวนิยายของ Eiji Otsuka)
ประเภท: Horror/Thriller/Crime/Mytery

 

MPD - Psycho Series1: Part 1& 2 โดย Takashi Miike

MPD – Psycho Series1: Part 1& 2 โดย Takashi Miike

Case 01. Drifting Petals/ Memories of Sin
Case 02. How to Create a World

MPD-Psycho หรือ “Tajuu Jinkaku Tantei Saiko” เกิดมาจากเรื่องราวที่ Eiji Otsuka และ Tajima Sho-u เขียนและวาดขึ้นมา โดย Takashi Miike นำมาสร้างได้อย่างลงตัวบนแผ่นฟิล์ม โดยทำเป็นซีรีส์ทีวีในญี่ปุ่นขึ้นมา 6 ตอน เรื่องราวเกี่ยวกับคดีปริศนาต่างๆ ที่นักสืบ Amamiya Kazuhiko ต้องคอยแก้ไขปริศนาเหล่านั้น

ใน Series 1. Part 1 & 2 จะเป็นเรื่องที่เน้นการปูพื้นฐานบุคลิก ลักษณะของตัวละครสำคัญแต่ละคน จนทำให้ดูแล้วอาจจะงง ๆ กันได้นะครับ ในเรื่องนี้ Takashi ดำเนินเรื่องอย่างรวดเร็ว และทยอยปล่อยความดิบ โหด ออกมาเป็นระยะๆ โครงหลักของหนังที่ทำออกมาเป็นแนวสืบสวนสอบสวน มี Model ที่เป็นการ์ตูน ดนตรีที่หลอกหลอนในแบบ World/Ambient Music และภาพดิจิตัลที่นำมาประกอบได้อย่างน่าสนใจ

เริ่มต้นเรื่องด้วยการปูพื้นฐานของตัวละครหลักอย่างนักสืบ Amamiya Kazuhiko ที่ต้องออกจากการเป็นตำรวจเนื่องจากเกิดคดีสะเทือนขวัญกับภรรยาของเขาในอดีต ภาพสยองที่เขาเห็นเมื่อกลับมาถึงบ้าน คือ ภาพภรรยาของเขาถูกชำแหละที่ท้องและมีโทรศัพท์ฝังอยู่ที่ท้องด้วย ทำให้เกิดเป็นภาพหลอนใจมาตลอด

Part 1. เป็นคดีเกี่ยวกับฆาตรกรโหดที่นำเอาหัวสมองมนุษย์มาทำเป็นกระถางดอกไม้ โดยเหยื่อแต่ละคนนั้นจะเป็นคนที่มีบาร์โค้ดอยู่ที่ตาข้างซ้าย และฆาตรกรโหด (Nishizono Shinji) จะสั่งการทางโทรศัพท์ คล้ายกับการถูกสะกดด้วยเสียงเพลงในแบบ World / Ambient ซึ่ง Takashi เลือกเพลงประกอบได้เจ๋งทีเดียว

Part 2. เป็นเรื่องของฆาตรกรโหดขโมยทารกในครรภ์ของมารดานำมาเลี้ยง ขยายเผ่าพันธุ์ฆาตรกรโหด (Lucy Monostone – บุคคลที่คล้ายกับเจ้าลัทธิ ใน Part 1 & 2 ยังไม่บอกรายละเอียดเกี่ยวกับ Lucy Monostone มากนัก) และ Part 2 นี่แหละ ที่ทำให้ นักสืบ Amamiya กลับมาทำคดีอีกครั้ง เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในคดีนี้ มันช่างคล้ายกับเหตุการณ์ที่เขาเคยพบเจอมากับตัวเองในอดีต…

ทั้งร้าน Snuff film, บาร์โค้ดที่อยู่ในลูกตาข้างซ้าย, ภาพการ์ตูนที่คอยซ้อนภาพเหตุการณ์จริง, ฝน, ห้อง Task Force ในกรมตำรวจ, เสียงเพลง หรือการถกเถียงปัญหาต่างๆ ใน Criminal Research Center ทำออกมาเป็น theme ของเรื่องได้อย่างน่าติดตาม เป็นมาตรฐานของ Takashi Miike เลยครับ

ไม่ขอเล่าเรื่องทั้งหมดนะครับ อยากให้ติดตามและดูกันเองจะมันส์กว่าเยอะ สำหรับใครที่ดูแล้วยังงงๆ ลองเปิดดูอีกรอบ สองรอบครับ จะเข้าใจเรื่องได้ดี ที่สำคัญอย่าลืมติดตาม Part อื่น ๆ ให้ครบด้วยล่ะ…

โดย ศร-รณ (aka ถั่วเขียว ณ ทุ่งสังหาร)
Rating: 5.00 / 6.00

VN:F [1.9.22_1171]
Rating: 4.5/5 (2 votes cast)

Posted in Horror Movie Reviews, Horror Movies M - O Tagged with: , , , , ,

Imprint (2006) - ผลงานจากผู้กำกับ Takashi Miike
November 18th, 2012 by ฟิล์มสยอง
Imprint (2006) - ผลงานจากผู้กำกับ Takashi Miike

Imprint (2006) – ผลงานจากผู้กำกับ Takashi Miike

Imprint (2006)
Masters of Horror # 1
นำแสดง: Billy Drago (Christopher), Youki Kudoh (Woman), Michie Ito (Komomo as Michie), Toshie Negishi (Maid), Shimako Iwai
กำกับ: Takashi Miike
เขียนบท: Shimako Iwai (novel), Daisuke Tengan (screenplay)
ประเภท: Horror / Thriller

 

Imprint (2006) - ผลงานจากผู้กำกับ Takashi Miike

Imprint (2006) – ผลงานจากผู้กำกับ Takashi Miike

เรื่องย่อ: “Christopher” นักข่าวชาวอเมริกันที่ตัดสินใจเดินทางไปญี่ปุ่นเพื่อตามหาหญิงคนรัก ที่นั่น…เขาไม่พบผู้หญิงคนนั้น แต่กลับพบหญิงขายบริการช่างจำนรรจาคนหนึ่งแทน เรื่องราวบอกเล่า จากปากของหญิงช่างจำนรรจาเกี่ยวกับ “Komomo” หญิงสาวที่นักข่าวอเมริกันตามหา ถูกบอกกล่าว เล่าอย่างสยดสยองต่อเหตุการณ์ที่ Komomo ต้องพบเจอในซ่องโสเภณี ท่ามกลางหญิงเกอิชาทั้งรุ่นเล็ก รุ่นใหญ่ที่แฝงไปด้วยความอำมหิต ริศยา ผ่านใบหน้าอันงดงามของพวกหล่อน เรื่องราวที่ Christopher ได้รับรู้นั้นจะเป็นอย่างไร เขาจะรับกับสิ่งที่หญิงขายบริการบอกเล่าได้หรือไม่ และมีอะไรซ่อนอยู่ภายใต้หน้าตาอันแปลกประหลาดของหญิงจำนรรจาผู้นั้น! พิสูจน์กันใน Imprint ผลงานจากผู้กำกับโหดเพี้ยนที่เราคุ้นเคยกับผลงานของเขาเป็นอย่างดี “Takashi Miike”

Imprint ..ความจริง – ความเท็จ
ลุง Miike บอกเล่าเรื่องราวของญี่ปุ่นในยุคศตวรรษที่ 19 ยุคโบราณที่ประเทศญี่ปุ่นเต็มไปด้วยการกดขี่ทางเพศ หญิงโสเภณี เกอิชา วิธีการลงโทษสุดทรมานที่อุดมไปด้วยความซาดิสต์เหี้ยมโหด ผิดมนุษย์ (ใครชื่นชอบความซาดิสต์ในแบบฉบับการทรมานหลากหลายวิธีสุดเพี้ยนของชาวญี่ปุ่น ขอแนะนำหนัง เรื่อง Shogun’s Sadism หนัง Split สองเรื่องควบ ต้นฉบับความซาดิสต์ที่ห้ามพลาด) หนังเดิน เรื่องด้วยภาพของ Christopher นักข่าวที่กลับมาญี่ปุ่นอีกครั้ง เพื่อตามหาสาวคนรักที่ชื่อ Komomo แต่เนื้อหาความสำคัญไม่ได้อยู่ที่ Komomo กลับเป็นเรื่องราวของหญิงขายบริการช่างจำนรรจา ผู้มีใบหน้าผิดเพี้ยนไปจากคนธรรมดาจนไม่มีใครกล้าคบหา ที่ทำงานขายบริการในสำนักเกอิชาที่เดียวกันกับ Komomo ลุง Miike วาดลวดลายชั้นเชิงการเล่าเรื่องที่สลับซับซ้อนตามสไตล์ของลุงแกได้อย่างน่าชื่นชม ด้วยการฉายภาพ ‘เล่าเรื่อง’ ของหญิงบริการช่างจำนรรจา ซ้อนกันระหว่างการเล่าเรื่อง ‘เท็จ’ กับ เรื่อง ‘จริง’ ที่เกิดขึ้น

บทพูดประโยคหนึ่งในหนังเรื่องนี้ของหญิงขายบริการช่างจำนรรจา ที่ว่า …แน่นอน ในสังคมเกอิชาอย่างเรา ๆ มักจะต้องเล่าเรื่องเท็จ ปิดบังความจริงกันอยู่แล้ว…มันเป็นนิสัยของพวกเรา…นี่แหละเป็น theme ที่สำคัญในหนังเรื่อง Imprint ที่ให้เราคอยติดตามกัน…

รวม “ฉากสยอง” ในอดีต…
ใครที่เป็นแฟนพันธุ์แท้ของลุง Miike หลังจากดูเรื่องนี้จบแล้ว คงต้องบอกเลยว่า ‘ลุงแกกลับมาปล่อยของอีกแล้ว…’ มันเป็นบรรยากาศเก่าๆ ราวกับการสังสรรค์ปาร์ตี้รวมรุ่นศิษย์เก่ายังไง ยังงั้น ทั้งอารมณ์ ความรู้สึกในการเดินเรื่อง ฉากสยองแหวะ ฉากการทรมานสุดซาดิสต์ และฉากความเพี้ยน โหด วิตถาร ที่ไม่มีการรอมชอมกันเลย

เราว่าลองไล่ๆ กันดูครับ ว่ามีฉากไหน เป็นยังไงกันบ้าง เริ่มต้นเรื่องลุง Miike ดำเนินเรื่องในแบบอืด ๆ บอกเล่าเหตุการณ์ทุกอย่าง อย่างมีน้ำหนักและลงตัวในชั้นเซียนไปพองาม ก่อนที่จะ ‘ปล่อยของ’ ออกมาในช่วงกลางเรื่องอย่างเมามัน และแกก็ทยอย ‘ปล่อยของ’ ออกมาอีกเป็นระยะๆ ก่อนถึงจุดพีคของหนัง…ผมยกตัวอย่าง ฉากที่มีอารมณ์เก่าๆ ในแบบ Miike ที่ เรา’อยากเห็น’ และ’คุ้นเคย’

– ว่ากันด้วยฉากการทรมานที่เป็นหนึ่งใน theme จุดขายสำคัญในเรื่องกันเลยทีเดียว ในเรื่องการใช้เข็มฝังตามจุดต่างๆ ตั้งแต่ เล็บมือ ยัน เหงือก! เราคงจะคุ้นเคยกันแล้วกับความโหดแบบนี้ ใน Audition รวมถึง การทรมานอย่างถึงพริกถึงขิงในบางส่วนของความเป็น Ichi The Killer
– เดินเรื่องช้าๆ ในอารมณ์ความเป็น Drama ก่อนที่จะเข้าสูความหม่น จนถึง ดำมืดสนิท ในรูปแบบของ Audition (ไม่แปลกเลยที่อารมณ์จะออกมาเป็นแบบนี้ เนื่องจากลุง Miike ได้ Daisuke Tengan มือฉมังผู้เขียนบทให้ Audition โด่งดังมาแล้ว มาเป็นผู้เขียนบทให้อีกในเรื่องนี้)
– ความบ้าคลั่ง เพี้ยนเหนือมนุษย์ ในความสยองของสไตล์ Miike ที่มักจะนำใช้วิธีการ พูดถึงระหว่าง ความดี และ ความชั่ว ผ่านตัว ‘มนุษย์’ ในความเป็น ‘อมนุษย์’ ในร่างเดียว อย่างใน Imprint ช่วงท้าย ของเรื่องที่เราได้เห็น Miike ใช้ความเป็น “แฝด” นรกอีกตัวที่ติดอยู่กับร่างของหญิงขายบริการช่างจำนรรจา ผมดูถึงตอนนี้แล้ว อดคิดถึง อารมณ์หลุดโลกของผลงานอีกเรื่องของ Miike ไม่ได้ นั่นคือ Gozu (ลองหามาดูกันครับ)

เอาเป็นว่า เล่ากันคร่าวๆ ครับ คงต้องหามาพิสูจน์กันเองครับ ว่าหนังในยุคปัจจุบัน ลุง Miike แกยังคงทำหนังได้ถึงพริกถึงขิงอยู่หรือเปล่า

การกลับมาของ Takashi Miike และทีมงาน…
บ้า เพี้ยน คลั่ง วิปริต วิปลาส และแฝงไปได้ลีลาวิตถารทรมาน ในฉาก “ยี้” ที่มีแฝงอยู่ในหนังเกือบทุก เรื่องของผู้กำกับคนนี้ “Takashi Miike”
ผมคงไม่ต้องบรรยายสรรพคุณของลุง Miike กันให้มากมาย เพื่อนๆ สามารถหาอ่านได้จากรีวิวผลงานของลุงคนนี้ในเว็บได้นะครับ…มาเข้าเรื่องถึงผลงานล่าสุดของลุง Miike ที่ได้มาผ่านสายตาของ แฟนหนังสยองในบ้านเรากันดีกว่า

Imprint เป็นหนึ่งในภาพยนตร์ 13 เรื่อง ที่ถูกนำไปรวมในทีวีซีรีย์ที่รวบรวมปรมาจารย์ทางด้านหนังสยองไว้ถึง 13 คน 13 เรื่อง ในชุดซีรีย์ที่ชื่อว่า “Master Of Horror” ผลงานไอเดียบรรเจิดของ Mick Garris ผู้ต้นคิด American Horror Television ที่ในหลายๆ เรื่องของซีรีย์นี้ถูกสั่งแบน และถูกสั่งเซ็นเซอร์ในหลายๆ ฉากที่ถูกนำไปฉายในหลายๆ ประเทศอีกด้วย ในผลงานเรื่อง Imprint นี้ ได้ถูกดัดแปลงมาจากนวนิยายสุดสยองของญี่ปุ่นที่ชื่อ Bokee Kyotee หรือ Really Scary และนำมาปรุงบทให้กลายเป็นบทภาพยนตร์สุดบรรเจิดโดย Daisuke Tengan คุ้นๆ กับชื่อของบุคคลคนนี้มั้ยครับ…Daisuke Tengan ก็คือ ผู้เขียนบทหนังเรื่อง Oodishon หรือ Audition หนังสยองอันโด่งดังในบ้านเรา ที่ทำให้ทุกคนต้อง ‘แหยง’ ไปกับสายเปียโนกันไปเลย นอกจากบุคคลเบื้องหลังแล้ว สำหรับบุคคลเบื้องหน้าที่เป็นนักแสดงที่เต็มไปด้วยยอดฝีมืออย่าง Billy Drago ผู้รับบทนักข่าวชาวอเมริกันผู้นี้ ผมว่าหลาย ๆ คนคงจะคุ้น หน้าเฮีย Drago กันอยู่แล้วนะครับ แกเล่นหนังเป็นร้อยเรื่องได้ ล่าสุดเราน่าจะคุ้นกับเฮียแกใน หนังเรื่อง The Hills Have Eyes นักแสดงที่เต็มไปด้วยฝีมือคนนี้ ถ่ายทอด บอกผ่านความรู้สึกใน หนังเรื่อง Imprint ได้อย่างยอดเยี่ยมครับ ใครเป็นแฟนหนังของแก คงต้องติดตามดูให้ได้ นอกจาก Billy Drago แล้วขอแนะนำสาวอีกนางนึงนั่งก็คือ สาวสวย (โคตร) ทรงสเน่ห์ ที่ชื่อ Youki Kudoh ผู้รับบทหญิงลึกลับขายบริการช่างจำนรรจา กับใบหน้าอันผิดเพี้ยนของหล่อน เธอแสดงได้ “จิต” สุดๆ เลยครับในเรื่องนี้ ผิดกับบทบาทก่อนๆ ของเธออย่างในเรื่อง Memories of a Geisha หรืออย่าง Mysteries Train

แค่พูดถึงตัวผู้กำกับ และทีมงาน ก็คงการันตีกันได้เลยนะครับว่า Imprint ไม่ใช่หนังธรรมดาที่ทุกคนคิดว่า ลุง Miike แกหมดไฟทำหนังสยองแหวะสุดซาดิสต์กันไปแล้ว…เรื่องนี้แหละ บอกได้เลยว่า ลุงแก ยังคงมาตราฐานความวิตถารอยู่ไม่เสื่อมคาย….

โดย ศร-รณ (aka ถั่วเขียว ณ ทุ่งสังหาร)
Rating: 5.50 / 6.00

VN:F [1.9.22_1171]
Rating: 5.0/5 (4 votes cast)

Posted in Horror Movie Reviews, Horror Movies G - I Tagged with: , , , ,

หนังญี่ปุ่นสุดโหด Ichi The Killer (2001) - หนังสยองขวัญ
November 18th, 2012 by ฟิล์มสยอง
Ichi The Killer (2001) - หนังญี่ปุ่นสุดโหดจาก Takashi Miike

Ichi The Killer (2001) – หนังญี่ปุ่นสุดโหดจาก Takashi Miike

Ichi The Killer / Koroshiya1(2001)
นักแสดง: Tadanobu Asano (Kakihara), Nao Omori (Ichi), Shinya Tsukamoto (Jijii), Paulyn Sun (Karen), Susumu Terajima (Suzuki), Shun Sugata (Takayama), Toru Tezuka (Fujiwara), Yoshiki Arizono (Nakazawa), Kee (Ryu Long), Satoshi Niizuma (Inoue), Jun Kunimura (Funaki)
กำกับ: Takashi Miike
เขียนบท: Sakichi Sato, Hideo Yamamoto (ผลงานการ์ตูน)
ประเภท: Crime/Action/Horror/Thriller

หนังญี่ปุ่นสุดโหด Ichi The Killer (2001) - หนังสยองขวัญ

หนังญี่ปุ่นสุดโหด Ichi The Killer (2001) – หนังสยองขวัญ

เรื่องย่อ… เมื่อหัวหน้าแก็งก์อันโจหายตัวไปพร้อมกับเงิน 300 ล้านเยน มือขาวของแก็งก์อย่าง คาคิฮาร่า(อาซาโน่) จึงต้องออกสืบเรื่องราวทั้งหมดจนกระทั้งพบว่า หัวหน้าแก็งก์ของเค้าตายแล้วโดยถูกนักฆ่าผู้ลึกลับที่ชื่อว่า “อิจิ” นักฆ่าหน้าละอ่อนที่มีชื่อเดียวกับหมายเลขบนชุดสูท นั่นคือ หมายเลข 1 (Ichi : ในภาษาญี่ปุ่นแปลว่า “1”) ที่เปลือกนอกเป็นเพียงเด็กขึ้ขลาด ท่าทางอ่อนแอ ถูกรังแกมาตั้งแต่เด็ก และไม่มั่นใจในตัวเอง เจ้านักฆ่าคาคิฮาร่า (Kakihara The Killer) จึงต้องออกมาล่าอิจิ (Ichi The Killer) ศึกระหว่างยากูซ่าสุดโหด และนักฆ่าหน้าละอ่อนจึงระเบิดขึ้น

หนัง Psycho Thriller/Horror เน้นแนว Action ที่เกินจริงจากการสร้างด้วยคอมพิวเตอร์กราฟฟิกที่ดูจะตั้งใจให้มันเวอร์ตามแนวต้นฉบับที่เป็นการ์ตูน ต้องบอกไว้ก่อนครับว่า หนังโรคจิต ซาดิสต์ มาโซคิสต์เรื่องนี้ โหดได้เรื่อง…ทั้งฉาก Sex กระทำชำเรา ทุบที ทรมาน ฆ่า เลือด หั่น ชำแหละ มีหมดครบสูตรตามสไตล์ยากูซ่า หากต้องการดูได้อรรถรสเต็มที่ก็ต้องหาหนังที่เป็น Uncut Version ที่เป็นสองแผ่นนะครับ แผ่นหนึ่งจะเป็นหนังแบบไม่เซ็นเซอร์ความยาวสองชั่วโมงนิดๆ ซึ่งถ้าเป็นเวอร์ชั่นลิขสิทธิ์ที่ทำออกขายในไทย จะถูกเซ็นเซอร์ฉากเด็ดๆ เพียบ (เท่าที่ทราบมาจากผู้ที่ดูเวอร์ชั่นลิขสิทธิ์ จะเป็นฉากตัดลิ้น, ฉากทรมานข่มขืนสาว ฉากทำออรัลเซ็กส์ และอีกหลายตอนที่เป็นผลงานของอิจิถูกตัดออกด้วยครับ) อีกแผ่นจะเป็นเบื้องหลัง มีทั้งบทสัมภาษณ์ผู้กำกับ นักแสดง ประวัติของ Takashi Miike , Tsukamoto, Asano มีอยู่อย่างละเอียดครับ ใครเป็นแฟนพันธุ์แท้ ลองติดตามดูได้

ด้านผู้สร้าง:
Takashi Miike คงไม่ต้องสรรเสริญกันแล้วสำหรับผู้กำกับคนนี้ หากใครได้ติดตามอ่านริวิในเว็บนี้ ก็คงจะทราบว่าผลงานเจ๋งๆ ของเขามีอะไรบ้าง ผมว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ Takashi ทำออกมาได้เข้าใจง่าย ไม่ซับซ้อนเมื่อเทียบกับผลงานของเขาในเรื่องอื่นๆ
สำหรับ Ichi The Killer นี้ถูกนำมาสร้างจากการ์ตูนผลงานของอาจารย์ Hideo Yamamoto (ในเวอร์ชั่นการ์ตูน animation เฮีย Takashi Miike ก็ไปช่วยพากษ์ในบทของ Kakihara ด้วย) และมีคนมาช่วยเขียนบทอีกคนคือ Sakichi Sato นักเขียนคนนี้สร้างชื่อเอาไว้หลายเรื่องครับ นอกจากเป็นนักเขียนแล้วเขายังเป็นนักแสดงอีกด้วย หนังจำพวกยากูซ่าทั้งหลาย เขามักจะไปแจมๆ ด้วย อย่างหนังฮอลิวู๊ด Kill Bill ภาคแรก, รัก น้อย นิด มหาศาล หรือ Last Life in the Universe หนังฝีมือผู้กำกับเป็นเอก รัตนเรือง เฮีย Sato และ เฮีย Takashi Miike แกก็ดันไปขอแจมเป็นยากูซ่าในเรื่องนี้อีกด้วย (เจ๋งจริง)

สำหรับนักแสดง:
ก่อนอื่นต้องขอพูดยกย่องน้า Shinya Tsukamoto นักแสดง/ผู้กำกับ ที่ Takashi Miike ให้ความยกย่องเป็นการส่วนตัว (ลองหาบทสัมภาษณ์ของ Miike ที่พูดถึง Tsukamoto มาดูกัน) ได้รับเชิญมาแสดงในเรื่องนี้ ในบทของเฮียจีจิ นักสะกดจิตและนักกล้าม (ที่สร้างจากคอมพิวเตอร์) คอยสั่งงานและปั่นหัว อิจิ นักฆ่าหมายเลข 1 มาตั้งแต่เด็ก น้า Tsukamoto แกแสดงหนังและกำกับหนังมาเพียบครับ หนังที่แกเป็นผู้กำกับเอง แกก็แสดงเองด้วย ถือได้เป็นหนึ่งในผู้กำกับหนังคัลต์คนหนึ่งของญี่ปุ่นที่ถูกนำมาเปรียบเทียบกับผู้กำกับชื่อดัง David Lynch หนังเด็ดๆ ของน้าแกที่มีทั้ง Thriller/Horror มักแฝง Drama เข้าไปในหนังได้อย่างกลมกล่อม (ลองไปหาดูได้ครับ เช่น Tetsuo, Tetsuo II, Vital-เรื่องนี้อาจจะน่าเบื่อหน่อยนะ) มาถึงบทตัวเอก Kakihara รับบทโดย ทาดาโนบุ ฮาซาโน่ ยากูซ่าจอมโหด ซาดิสต์ โรคจิต ชอบการทรมานและถูกทรมานเป็นชีวิตจิตใจ ผมว่าคนไทยน่าจะรู้จัก ฮาซาโน่กันพอสมควรแล้ว ทั้งเรื่อง รัก น้อย นิด มหาศาล (Last Life In the Universe) และ Invisible Waves คงประจักษ์ในฝีมือของหนุ่มคนนี้กันแล้ว

รางวัลเพียบ:
Ichi The Killer ได้รับรางวัลและถูกเสนอชื่อเข้าชิงเพียบครับ:
รางวัลอันดับที่สาม จาก Fant-Asia Film Festival สาขา Fantasia Ground-Breaker Award (Takashi Miike) ปี 2003
ชนะเลิศจาก Fantafestival สาขา Best Special Effects ปี 2002
ชนะเลิศจาก Japanese Professional Movie Award สาขา Best Director (Takashi Miike) และสาขา Best Film ปี 2002
ชนะเลิศจาก Mainichi Film Concours สาขา Best Supporting Actor (Shinya Tsukamoto) ปี 2003
ชนะเลิศรางวัล Jury Award (Takashi Miike) จาก Neuchatel International Fantasy Film Festival ปี 2002

โดย ศร-รณ (aka ถั่วเขียว ณ ทุ่งสังหาร)
Rating: 5.00 / 6.00

VN:F [1.9.22_1171]
Rating: 3.7/5 (3 votes cast)

Posted in Horror Movie Reviews, Horror Movies G - I Tagged with: , , , , , ,

The Great Yokai War (2005) by Takashi Miike
October 13th, 2012 by ฟิล์มสยอง
The Great Yokai War (2005) by Takashi Miike

The Great Yokai War (2005) by Takashi Miike

The Great Yokai War (2005)
Yokai daisenso | Hobgoblins & the Great War | Spook Warfare | The Great Hobgoblin War
นำแสดง: Ryunosuke Kamiki (Tadashi Ino as Ryuunosuke Kamiki), Hiroyuki Miyasako (Sata), Chiaki Kuriyama (Agi), Bunta Sugawara (Shuntaro Ino), Kaho Minami (Youko Ino), Riko Narumi (Tataru Ino), Etsushi Toyokawa (Lord Kato Yasunori), Kiyoshiro Imawano (General Nurarihyon as Kiyoshiro Imawano), Mai Takahashi (Kawahime : the River Princess), Masaomi Kondo (Shojo : the Kirin Herald as Masaomi Kondo), Sadao Abe (Kawataro : the River Sprite), Takashi Okamura (Azuki : Bean Washer)
กำกับ: Takashi Miike
เขียนบท: Hiroshi Aramata (นวนิยาย) และ Takashi Miike
ประเภท: Adventure / Fantasy / Comedy / Drama / Horror

The Great Yokai War (2005) by Takashi Miike

The Great Yokai War (2005) by Takashi Miike

หนังรีเมคเรื่อง Yokai Monsters : Spook Warfare ปี 1968 หรือชื่อญี่ปุ่นว่า Yokai Daisenso ผสมผสานกับเนื้อหาในนิยายของ Hiroshi Aramata บวกฝีมือการเรียบเรียง การกำกับชั้นครู ของ Takashi Miike จนออกมาเป็น The Great Yokai War (ใช้ชื่อภาษาญี่ปุ่นเหมือนเดิมคือ Yokai Daisenso)

มาพูดถึงคำว่า “Yokai” กันก่อนครับ จะได้ไม่งงกันว่า ไอ้สงครามที่ว่านั่นมันเกี่ยวกับอะไร Yokai ในภาษาญี่ปุ่น เป็นคำที่ใช้เรียกในตำนานพื้นบ้าน ถึง พวกภูตผี ปีศาจ วิญญาณทั้งร้ายและดี แล้วแต่หนังแต่ละเรื่องจะเอามาสร้างให้มันเป็นปีศาจร้าย หรือดี…อย่างในเรื่องนี้ ก็เป็นพวกภูติผี ปีศาจ ที่ดีครับ (แต่ละตัวนิสัยน่ารักครับ…บางตัวหน้าตาน่ารักด้วย ^^) เพราะงั้น ตามชื่อหนังที่ว่า The Great Yokai War จึงรวบรวมพวกปีศาจในตำนานพื้นบ้านของญี่ปุ่นไว้หมดครบถ้วน (ดูได้จากหน้า Wallpaper ครับ) อาทิเช่น ปีศาจร่ม ผีขาเดียว ปีศาจหิมะ ตระกูลสัตว์ประหลาดทั้งหลาย (เหมือนที่เราเคยอ่านการ์ตูนตอนเด็กๆ นั่นแหละครับ) นั่นแหละ คือ บรรดาพวกที่ถูกเรียกว่า Yokai ครับ

The Great Yokai War ถือเป็นหนังยุคใหม่ของ Miike ที่สร้างความตะลึงให้แก่แฟนๆ ไม่น้อย เพราะหากเปรียบเทียบกับหนังในยุค 2000 เหมือนกัน หรือเทียบกับหนังในอดีตที่เขาสร้าง ไม่เน้นความโหดสุดขั้ว ชั่วสุดขีด หรือเพี้ยนออกที่เราไม่คาดคิดแล้ว ก็จะเป็นในแนวของ Drama และ ยากูซ่าในแนวที่เขาถนัด ผมถือว่า The Great Yokai War เสมือนหนังที่ Miike ตั้งใจทำให้เด็กดูเลยครับ เท่าที่เคยอ่านบทสัมภาษณ์ของเขาตอนที่หนังเรื่องนี้ออกมา (ประมาณปี 2005) เหมือนกับความตั้งใจที่ Miike ต้องการนำนิทานพื้นบ้าน เรื่องเล่า และตำนานต่าง ๆ มาสร้าง ซึ่งช่วงที่หนังออกมาในตอนนั้น ถูกนำไปเปรียบเทียบกับหนังฟอร์มยักษ์ของ Peter Jackson ‘The Lord of the Rings’ กันไปเลย จะว่าไป หลังจากผมดูหนังเรื่องนี้แล้ว ก็ไม่แปลกครับที่ The Great Yokai War จะถูกนำไปเปรียบเทียบกับ The Lord of the Rings เพราะทั้งบรรยากาศ ยุคสมัย การแต่งตัว ก็มีส่วนคล้ายอยู่เหมือนกัน หากแต่ว่า Miike นำความถนัดของเขาในเรื่อง Fantasy / Horror นำมาผสมผสาน ระหว่างการต่อสู้ในยุคโบราณ (โดยใช้สัญลักษณ์ของ ‘ดาบ’) กับการต่อสู้ในยุคปัจจุบัน และอนาคต (ที่มีการใช้ ลำแสงเลเซอร์ เครื่องจักร และอีกนานัปประการ เป็นสัญลักษณ์) ได้อย่างเข้มข้น และสนุกจริงๆ ครับ

ในหนังเรื่องนี้ ก่อนอื่นต้องให้เครดิตกับทีมงาน ทั้งเกี่ยวกับการลำดับภาพ คอมพิวเตอร์กราฟฟิก แสง สี และเสียง ทำออกมาได้ลงตัว มีความยิ่งใหญ่ อลังการ และดูเนียน อย่างไม่ขัดตากันเลย ระหว่าง ยุคโบราณ ยุคปัจจุบัน และยุคอนาคต ส่วนสำหรับผู้กำกับนั้น หากเราดูโดยไม่รู้ว่า นี่คือผลงานของผู้กำกับคนใดจะเสพหนังได้อย่างอรรถรสสนุกสนานเต็มๆ ครับ (เพราะหากเรารู้ว่านี่คือ ผลงานของ Miike ผู้กำกับคนโปรดแล้ว อาจจะพาลเข้าข้าง ยกยอ เดินตัวเอียงกันไปข้างหนึ่ง ก่อนที่จะได้เสพหนังกันด้วยซ้ำ :p) ยิ่งได้รู้ว่านี่คือ หนึ่งในผลงานของ Miike ด้วยแล้ว เพื่อนๆ ที่ได้ดูก็คงจะแปลกใจครับ เหมือนเป็นอีกเวอร์ชั่นหนึ่งในจินตนาการของ Miike ที่เขาถ่ายทอดมุมมอง ความสนุกสนานของ ‘เด็ก’ ได้อย่างมีกึ๋น เขาใช้เรื่องราวความรัก ระหว่าง ตา หลาน เด็กน้อย กับสัตว์เลี้ยง ที่เป็น ‘Yokai’ หรือ ‘ผี’ อย่างที่ผมกล่าวไปในตอนต้น มันมีทั้งความสนุกแบบ Adventure ไปจนถึง Drama เรียกน้ำตา ผู้ชมที่มีจิตใจแบบเด็กๆ อย่างผม ได้เลย (ฮ่า ฮ่า อันนี้เวอร์ไปหน่อย)

ล่าสุดหนังเรื่องนี้ได้รับรางวัลชนะเลิศ best Cinematography (Hideo Yomamoto) จากงาน Yokohama Film Festival ปี 2006 นี่เองครับ ก็สมควรได้รับแล้วครับ ใครได้ดูหนังแล้ว คงจะไม่ปฏิเสธกับรางวัลที่ได้ ไม่แน่ใจเหมือนกันนะว่าจะมีค่ายหนังที่ไหน เอามาฉายตามโรงลิโดบ้านเราบ้างหรือเปล่า ถ้าไม่มี ก็คงต้องดิ้นรนหาแผ่นมาดูกันละคร๊าบบ^^

โดย ศร-รณ (aka ถั่วเขียว ณ ทุ่งสังหาร)
Rating: 5.00 / 6.00

VN:F [1.9.22_1171]
Rating: 4.0/5 (4 votes cast)

Posted in Horror Movie Reviews, Horror Movies G - I Tagged with: , , , , , ,

Fudoh : The New Generation (1996) ผลงานผู้กำกับ Takashi Miike
October 7th, 2012 by ฟิล์มสยอง
Fudoh : The New Generation (1996) ผลงานผู้กำกับ Takashi Miike

Fudoh : The New Generation (1996) ผลงานผู้กำกับ Takashi Miike

Fudoh : The New Generation (1996)
(Gokudo sengokushi)
นำแสดง: Shosuke Tanihara (Riki Fudoh), Kenji Takano (Akira Aizone), Marie Jinno (Jun Minoru), Tamaki Kenmochi (Touko Zenzai), Toru Minegishi (Iwao Fudoh), Miho Nomoto (Mika), Riki Takeuchi (Daigen Nohma), Takeshi Caesar (Akihiro Gondo)
กำกับ: Takashi Miike
เขียนบท: Toshiyuki Morioka ดัดแปลงมาจากการ์ตูนของ Hitoshi Tanimura
ประเภท: Action/Crime

Fudoh : The New Generation (1996) ผลงานผู้กำกับ Takashi Miike

Fudoh : The New Generation (1996) ผลงานผู้กำกับ Takashi Miike

เรื่องย่อ: หัวหน้าใหญ่ยากูซ่าตัดสินใจลงมือฆ่าลูกชายคนโตของตนเอง เพื่อยุติความ บาดหมางกับแก๊งยากูซ่าฝ่ายตรงข้าม และในคืนที่หัวหน้าใหญ่ยากูซ่าลงมือฆ่าลูกชายนั่น เอง มีลูกชายคนเล็กยืนแอบมองพ่อเอาดาบหั่นหัวพี่ชายตัวเองต่อหน้าต่อตา และตั้งแต่นั้น Riki Fudoh ลูกชายคนเล็กสาบานว่าจะล้างแค้นให้กับพี่ชายของเขาเอง…จวบจน Riki เติบใหญ่เป็นนักเรียนไฮสกูล เขารวบรวมยุวชนนักฆ่าสร้างแก๊งยากูซ่าลับขึ้นมา จัดการฆ่า ล้างบางยากูซ่าอาวุโสที่ทำตัวไร้ประโยชน์ให้สิ้นซาก…ความโหดเหี้ยม วิปริต เซ็กส์ อำมหิต และเรื่องราวสุดเพี้ยนมีอยู่ครบครันใน Fodoh : The New Generation ติดตามกันได้…

เด็กในสังคมทุกวันนี้…
โคตรบ้ากับพล็อตเรื่องที่มาจากการ์ตูนที่เต็มไปด้วยความรุนแรงของ Hitoshi Tanimura นาย Miike นำมาถ่ายทอดจินตนาการได้ราวกับอ่านการ์ตูนผ่านแผ่นฟิล์ม “Comic Book Movie” เรื่องที่เน้นหนังแนวเด็กวัยเรียน วัยไฮสกูล วัยหัวเรี่ยวหัวต่อ วัยคึกคะนอง และโปรดปรานความรุนแรง ในเรื่อง ริกิ ฟูโด ลูกชายคนเล็กของหัวหน้า แก๊งยากูซ่าที่เห็นพ่อตัวเองฆ่าพี่ชายของเขากับมือ ก็เกิดความแค้นฝังใจมาตั้งแต่วัยเด็ก ในคืนเดียวกับที่เลือดของพี่ชายเขากองอยู่บนฟูก ริกินำเข็มสักบรรจงจิ้มเลือดพี่ชายตัว เองนำมาสักลงบนร่างกายของเขา ภาพที่แสดงให้เห็นว่า ‘เลือดชำระแค้น’ มันสร้างความ หมองหม่นได้ดีเหลือเกิน พอริกิ เติบโต เขากลายเป็นนักเรียนไฮสกูลมาดขรึม เรียนเก่ง แต่ แฝงความโหดร้ายไว้ใต้ใบหน้าไร้รอยยิ้ม ภาพเนื้อเรื่องปูพื้นให้เราเห็นว่าเด็กนักเรียนทุก คนในโรงเรียนต้องสยบเขา แม้กระทั่งอาจารย์ผู้สอน! ริกิ ฟูโด พยายามสร้างแก๊งเครือ ข่าวยุวชนนักฆ่า โดยเขาเริ่มสอนวิธีการต่างๆ ให้กับเด็กตั้งแต่ประมาณ 6 – 7 ขวบกันเลย ! ใครได้ดูเรื่องนี้คงอดคิดไม่ได้ว่า เด็กอายุราว ๆ 6 – 7 ขวบ ถือปืนวิ่งยิงหัวหน้าแก๊งยากูซ่า ชนิดที่เรียกว่า ยิงกันหัวแบะ เลือดสาด กระจายท่วมทุ่ง หากเกิดขึ้นกันชนิดประจำวันใน สังคมเราจะเป็นยังไงกันเนี่ย แต่ผมว่า Takashi Miike พยายามจะสะท้อนให้เห็นถึง เด็กในสังคมทุกวันนี้ โดยเฉพาะญี่ปุ่นที่มีวิวัฒนาการ เทคโนโลยี วัฒนธรรมต่างชาติเข้า ถึงได้อย่างรวดเร็วเกิดคาดหมาย…

ยุวชนนักฆ่า ยากูซ่า เซ็กส์ และฉากเด็ดๆ ไม่ควรพลาด!
สมาชิกยุวชนนักฆ่า หรือสมาชิกในแก๊งยากูซ่าของ ริกิ ฟูโด ประกอบไปด้วย…
– สาวผู้ชำนาญการใช้อาวุธ โดยเฉพาะอาวุธปืน…สาวหมวยสุดหวาน น่ารัก ที่เป็นเหมือน มือขวาของริกิ ที่นอกจากจะชำนาญการฆ่าแบบถวายชีวิตแล้ว ยังนิยมปรนเปรอเซ็กส์ให้ กับริกิแบบถวายตัวอีกด้วย
– สาวเซ็กซี่ สุดสวย นมโต มี “จิ๋ม” เป็นอาวุธ…สาวนักเรียนไฮสกูล ที่ทำงานพาร์ทไทม์ เป็นนางระบำโป๊ ใช้จิ๋มพ่นเข็มเป่าลูกดอกจิ้มลูกโป่งโชว์ เธอคนนี้สวย เซ็กซี่ มีหน้าอกเต่งตึง อวบอิ่มถึงใจเหลือเกิน ลีลาการใช้ “จิ๋มพิฆาต” ของเธอนั้นก็ใช่ย่อย มันช่างมีพลังเกินกว่า จะจินตนาการกันได้ เรียกว่า ต้องดูกันเองครับ…โดยเฉพาะฉากที่เธอพ่นเข็มออกมาจาก จิ๋มแล้วมีเลือดพุ่งออกมาด้วย…ในบทเธอพูดว่า “โทษที…วันนี้มีเมนส์!” จ๊ากกก!!… มันสุดยอดมากครับ นอกจากสาวคนนี้จะมีจิ๋มพิฆาตสุดสวาทแล้ว เบื้องหลังของสาวคนนี้ เธอยัง เป็นคนที่มีสองเพศในร่างเดียวกันด้วย ในหนังคุณจะได้เห็นบท Love Scene ร้อนแรงระหว่างสาวสองเพศที่ต้องแสดงบทบาทเป็นเพศชายขย่มกับครูสาวใหญ่ร้อนแรงอย่างถึงพริกถึงขิง (ห้ามพลาดฉากรักสุดอาร์ตวิปริตฉากนี้นะ…มันเจ๋งทีเดียว)
– บรรดาเหล่าเด็กประถม อายุประมาณ 6 – 7 ปี ที่ใช้ปืนคล่องยิ่งกว่าผู้ใหญ่ซะอีก
– นักเรียนไฮสกูลตัวยักษ์ที่มีกระเจี๊ยวเท่าช้าง ยิงประตูไหน จิ๋มวอดวายหมด ไอ้เจ้ายักษ์ผู้เปรียบเสมือนแขนขาให้ริกิ ฟูโด พลังช้างศาลของมันช่างน่ากลัวจริงๆ
– ครูสาวสุดเซ็กซี่ที่มาช่วยริกิ ในช่วงกลางๆ ของเรื่อง ครูผู้ซึ่งมีอดีตสุดหวานกับพี่ชายของริกิ แต่ท้ายสุดครูสาวคนนี้แหละที่กลับชอบความวิปริตร่วมรักกับสาวสองเพศ
แนะนำคร่าวๆ ประมาณนี้ครับ…ฉากวิปริต เซ็กส์สุดขั้วตั้งแต่สาวสองเพศกับครู จนถึงฉากที่ริกิใช้น้องชายฟาดสาวทางประตูหลังในห้องคอมจนหล่อนร้องครวญ คราง ฉากครูผู้ติดหนี้ท่วมตัวไม่สามารถใช้หนี้ได้ ถูกสั่งฟันหัว แล้วนำมาให้เด็กๆ ใช้เป็นลูกบอลเตะเล่น ฉากหัวหน้าแก๊งอาวุโสที่นิยมการหลับนอนกับลูกชายของตนเอง และอีกหลายๆ ฉากที่ไม่ควรพลาดครับ…

หนังรุนแรงสะท้อนสังคม…
หากจะมองในแง่ของความเพี้ยน วิปริต โหด รุนแรง นั้น ถือว่า Takashi Miike ทำได้ ไม่ขาดตกบกพร่อง แต่หากมองถึงหนังรุนแรงที่สะท้อนความเป็นจริงในสังคมนั้น หลายๆ สื่อยกย่องให้หนังเรื่องนี้ขึ้นหิ้งกันไปเลยครับ ในปี 1997 นิตยสาร Time จัดให้หนัง เรื่องนี้เป็นหนึ่งในสิบอันดับหนังยอดเยี่ยมกันเลยทีเดียว นอกจากนี้ หนังเรื่องนี้ยังชนะเลิศ รางวัล Fantasia Section Award สาขา Best Film – Live Action (Takashi Miike) และ International Fantasy Film Special Jury Award : Takashi Miike จาก Fantasporto ปี 1998 อีกด้วย

ใครเป็นแฟนพันธุ์แท้ของ Takashi Miike ห้ามพลาดครับ ส่วนใครนิยมความซาดิสต์ โหด รุนแรง เซ็กส์ และนมกลมกลึงของนักเรียนสาวไฮสกูลผู้มีจิมิพิฆาตเป็นอาวุธล่ะก็ รีบ เสาะหามาดูให้ไวครับ ^^

โดย ศร-รณ (aka ถั่วเขียว ณ ทุ่งสังหาร)
Rating: 5.50 / 6.00

VN:F [1.9.22_1171]
Rating: 3.0/5 (4 votes cast)

Posted in Horror Movie Reviews, Horror Movies D - F Tagged with: , , , , , ,