Category: Horror Movie Reviews

Shibuya kaidan (2003) ล็อคเกอร์ ซ่อนผี...เรื่องราวผีสางแห่งเมือง Shibuya ประเทศญี่ปุ่น
January 13th, 2013 by ฟิล์มสยอง
Shibuya kaidan (2003) ล็อคเกอร์ ซ่อนผี...เรื่องราวผีสางแห่งเมือง Shibuya ประเทศญี่ปุ่น

Shibuya kaidan (2003) ล็อคเกอร์ ซ่อนผี…เรื่องราวผีสางแห่งเมือง Shibuya ประเทศญี่ปุ่น

Shibuya kaidan (2003)
ล็อคเกอร์ ซ่อนผี
นำแสดง: Maki Horikita (Ayano), Asami Mizukawa (Rieka), Mayuka Suzuki (Ai Fukami), Toshihiro Wada (Akihiko), Tomohisa Yuge (Keitaro)
กำกับ: Kei Horie
เขียนบท: Osamu Fukutani
ประเภท: Horror

Shibuya kaidan (2003) ล็อคเกอร์ ซ่อนผี...เรื่องราวผีสางแห่งเมือง Shibuya ประเทศญี่ปุ่น

Shibuya kaidan (2003) ล็อคเกอร์ ซ่อนผี…เรื่องราวผีสางแห่งเมือง Shibuya ประเทศญี่ปุ่น

เรื่องย่อ: เหตุเกิดเมื่อกลางดึก ณ แคมป์ฤดูร้อน เรกะและเพื่อนๆ นั่งล้อมวงผลัดกันเล่าเรื่องสยองขวัญที่แต่ละคนได้พบเจอ หรือได้ยินมา ท่ามกลางบรรยากาศเงียบสงัด เพื่อน ในกลุ่มคนหนึ่งหยิบศรีษะของรูปปั้นเด็กศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมาเล่นด้วยความคึกคะนอง หลังจากกลุ่มวัยรุ่นกลับมาจากแคมป์ฤดูร้อน ทุกคนเริ่มเจอกับเสียงประหลาด นั่นคือ เสียง เด็กร้องก้องหัวพวกเขาทุกคน เพื่อนแต่ละคนเริ่มพบชะตากรรมที่ตนเองไม่ได้คาดคิด หรือว่ามันจะเป็นเพราะตอนที่พวกเขาไปตั้งแคมป์ แล้วดันคะนองไปตัดศรีษะของรูป ปั้นเด็กนั้น พวกเขาจะแก้คำสาปได้หรือไม่ หรือว่ารูปปั้นเด็กอาจจะไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้พวกเขาต้องพบกับเรื่องสยอง แล้วสาเหตุที่แท้จริงคืออะไร?!?! ติดตามกันได้ใน Shibuya Kaidan เรื่องเล่าแห่งเมือง Shibuya “ล๊อคเกอร์ ซ่อนผี”

เรื่องเล่าแห่งเมือง Shibuya…
นี่เป็นหนังผีอีกเรื่องที่นำเค้าโครงมาจากเรื่องเล่าขาน หรือตำนานท้องถิ่น เรื่องราวของล็อคเกอร์ที่ในภาคนี้ บทภาพยนตร์พยายามเขียนให้คนดูลังเลถึงสาเหตุต้นตอของเรื่อง ราวสยองที่เกิดขึ้นกับกลุ่มวัยรุ่นที่ไปตั้งแคมป์ และนำศรีษะของรูปปั้นเด็กศักดิ์สิทธิ์มาเล่นโดยไม่รู้ว่าอะไรควรหรือไม่ควร หนังดำเนินไปจนถึงกลางเรื่อง จนกระทั่งพวกเขา คิดว่าสาเหตุที่เกิดขึ้นน่าจะเกิดมาจากเพื่อนในกลุ่มคนหนึ่งไปลบหลู่รูปปั้นศักดิ์สิทธิ์นั้น พวกเขานำศรีษะของรูปปั้นไปติดให้ดั่งเดิม แต่เรื่องสยองก็ยังไม่จบเพียงเท่านั้น… เหตุการณ์สยองยังคงเกิดขึ้นกับเพื่อนในกลุ่มต่อ เพื่อนๆ บางคนเริ่มเสียสติ บางคนเสียชีวิต บางคนออกอาการเพี้ยนสุดโต่ง…

แล้วสาเหตุมันคืออะไรกันแน่?? สาเหตุคืออะไร กัน??

จนพวกเขาเริ่มรู้แล้วว่า ก่อนเดินทางไปแคมป์ พวกเขาได้ไปใช้ล็อคเกอร์หยอดเหรียญแห่งหนึ่งที่ซึ่งมีตำนานว่า ล็อคเกอร์ตู้นั้นเป็นล็อคเกอร์แห่งความรัก ใครไปขออธิฐานอะไร ก็จะสมความปรารถนา เรกะและเพื่อนๆ ต้องเผชิญกับสิ่งที่อยู่ในตู้ล็อคเกอร์นั้น เรกะและเพื่อนต้องพบเจอกับเด็กผีที่เต็มไปด้วยความอาฆาต พยาบาท แล้วมันเกี่ยวข้องอะไรกับพวกเธอกันแน่ แล้วทำไมเด็กคนนี้ถึงต้องทำร้ายผู้คนไปทั่ว แล้วทำไมถึงมีเด็กออกมาจากตู้ล็อคเกอร์ได้! …หนังได้ทิ้งปริศนาพร้อมกับจะคลายปมปริศนาทั้งหลายออกมาในภาค 2

เรื่องราวผีสางแห่งเมือง Shibuya ใครได้ไปท่องเที่ยวในประเทศญี่ปุ่น ลองสอบถามคนพื้นที่แล้วนำกลับมาเล่าให้พวกเราชาวฟิล์มสยองฟังกันด้วยนะครับ 🙂

โดย ศร-รณ (aka ถั่วเขียว ณ ทุ่งสังหาร)
Rating: 3.50 / 6.00

VN:F [1.9.22_1171]
Rating: 0.0/5 (0 votes cast)

Posted in Horror Movie Reviews, Horror Movies S - U Tagged with: , , ,

School of the Holy Beast (1974) หนังสุดคลาสสิกยุค 70's ที่ฉายเรื่องราวสุดฉาวคามกามในคอนแวนท์
January 13th, 2013 by ฟิล์มสยอง
School of the Holy Beast (1974)  หนังสุดคลาสสิกยุค 70's ที่ฉายเรื่องราวสุดฉาวคามกามในคอนแวนท์

School of the Holy Beast (1974) หนังสุดคลาสสิกยุค 70’s ที่ฉายเรื่องราวสุดฉาวคามกามในคอนแวนท์

School of the Holy Beast (1974)
Seiju gakuen | Convert of the Sacred Beast
นำแสดง: Yumi Takigawa (Maya Takigawa), Emiko Yamauchi (Matsuko Ishida), Yayoi Watanabe (Hisako Kitano), Ryouko Ima (Natarii Guriin), Harumi Tajima (Tamao Oka), Yuuko Oribe (Kaoru Onotsuka), Marie Antoinette (Janetto), Emi Shiro (Youko Watanabe), Rie Saotome (Emi Takanami), Sanae Obori (Mie Mitsuko), Kyouko Negishi (Michiko Shinohara), Yumi Kimura (Keiko Kitano) Yoko Mihara (Sadako Matsumara), Akiko Mori (Aya Ogasahara) Fumio Watanabe (Priest Kakinuma)
กำกับ : Norifumi Suzuki
เขียนบท: Masahiro Kakefuda และ Norifumi Suzuki
ประเภท: Drama/ Erotic Thriller / Nunsploitation

School of the Holy Beast (1974)  หนังสุดคลาสสิกยุค 70's ที่ฉายเรื่องราวสุดฉาวคามกามในคอนแวนท์

School of the Holy Beast (1974) หนังสุดคลาสสิกยุค 70’s ที่ฉายเรื่องราวสุดฉาวคามกามในคอนแวนท์

เรื่องย่อ: หนังเปิดตัวด้วยภาพของสาวคนหนึ่งที่ใช้ชีวิตให้คุ้มค่าที่สุด ทั้งการไปดูกีฬา กิน ดื่ม เที่ยว จนไปพบกับหนุ่มแปลกหน้า และไปร่วมหลับนอนด้วย หลังจากเสร็จสิ้นกิจสวรรค์…ชายหนุ่มคนนั้นกล่าวชวนสาวสวยผู้รักสนุกให้มาพบกันอีกในโอกาสต่อไป แต่เธอกลับบอกว่าที่เธอทำพฤติกรรมแบบนี้ เพราะว่า เธออาจจะไม่มีโอกาสทำแบบนี้อีกแล้ว เธอต้องไปในสถานที่แห่งหนึ่ง ที่ซึ่ง…”Where Women are not Women”

หลังจากนั้นภาพตัดมาที่โบสถ์แห่งหนึ่ง นางชีหน้าใหม่กำลังถวายตัวรับใช้พระเจ้าอยู่ และนั่นก็คือเธอคนนั้นนั่นเอง…Maya Takigawa สาวสวยทรงสเน่ห์เปลื้องผ้าชิ้นบนออกเห็นอกสวยเปลือยเปล่า กำลังเข้าพิธีถวายตัวรับใช้พระเจ้า แต่เหตุผลที่ Maya เข้ามาเป็นนางชีนั้น มีมากกว่าการต้องการเข้ารับใช้พระเจ้า หากแต่เธอต้องการมาค้นหาความจริงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับ “แม่” ของเธอเมื่อ 18 ปีที่แล้ว ซึ่งแม่ของเธอก็เคยเป็นนางชีที่นี่

เหตุการณ์หลายๆ อย่างที่ Maya ต้องพบเจอ ทั้งการทรมาน ทำโทษตัวเอง การเฆี่ยนตี โบยด้วยแซ่ แม่ชีเลสเบี้ยนร่วมรักกัน จนถึงเรื่องราวลึกซึ้งระหว่างพระ หรือ บาทหลวงที่มีเซ็กส์กับแม่ชีเพื่อการไถ่บาป

Maya จะพบกับความจริงอะไรบ้าง ปริศนาการตายของแม่จะถูกเปิดเผยหรือไม่ การแก้แค้น และเรื่องราวของเซ็กส์ร้อนแรงในคอนแวนท์จะเป็นอย่างไร ค้นหาความจริงได้ใน School of the Holy Beast ครับ…

จุดน่าสนใจ…
– หนังสุดคลาสสิกยุค 70’s ที่ฉายเรื่องราวสุดฉาวคามกาม ระหว่างนางชีด้วยกัน จนถึงระหว่างพระ (บาทหลวง) กับนางชี ฉากเซ็กส์ของนางชี เลสเบี้ยน และฉากบาทหลวงขืนใจนางชี ทำได้ออกมาคลาสสิก สวยงาม ด้วยมุมกล้อง การถ่ายทำ จนถึงดารานำแสดงหลายๆ คนที่แต่ละคนมี “นม” ที่สวยเร้าใจดีเหลือเกิน นอกจากเรื่องภาพ การถ่ายทำและนักแสดงแล้ว…บทภาพยนตร์เรื่องนี้ ยังทำออกมาได้อย่างมีเนื้อหาชั้นเชิงการดำเนินเรื่อง และพยายามแฉคาวฉาวภาพลบในศาสนาคริสต์ได้อย่างหมดเปลือก อย่าง นางชี ผู้ดูเหมือนอยู่ในศีล เคร่งในบัญญัติตลอด แต่ลึกๆ แล้วเธอก็ยังมีความต้องการทางเพศอันรุนแรงมหาศาลเกินห้ามไว้ได้ หรือเรื่องราวลึกๆ ของนางชี กับ บาทหลวงในห้องลึกลับ และเรื่องราวของการทำโทษ ทรมาน สารพัดวิธีที่นางชีในสมัยนั้นใช้กัน ซึ่งน่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว

– ผลงานสร้างชื่อของผู้กำกับ Norifumi Suzuki ที่หลังจาก School of the Holy Beast ออกไปไม่นาน กระแสตอบรับกลับมาดีมาก กระทั่งปี 1979 Norifumi สร้างผลงานขึ้นหิ้งอีกเรื่องที่ไม่ควรพลาดคือ Beautiful Girl Hunter หรือ Star of David : Beauty Hunting ซึ่งถือเป็นงาน Horror / Erotic ที่ได้รับการกล่าวขานมากที่สุดเรื่องหนึ่งด้วย

– อีกจุดที่น่าสนใจสำหรับเรื่องนี้คือ Yumi Takigawa ดาราสาวสวยสเน่ห์ร้อนแรงในช่วงยุค 70’s ซึ่งปัจจุบัน เธอก็ยังวนเวียนอยู่ในแวดวงภาพยนตร์ของญี่ปุ่น เล่นบทตั้งแต่เป็นนางเอก จนตอนนี้เธอรับบทเป็นแม่ไปซะแล้ว ใครยังไม่รู้จักชื่อของ Yumi Takigawa ดาราสาวสวยคนนี้ ต้องลองชิม School of the Holy Beast ด่วนครับ!

โดย ศร-รณ (aka ถั่วเขียว ณ ทุ่งสังหาร)
Rating : 4.96 / 6.00

VN:F [1.9.22_1171]
Rating: 3.3/5 (3 votes cast)

Posted in Horror Movie Reviews, Horror Movies S - U Tagged with: , ,

Scared (2005) รับน้องสยองขวัญ - สยองไร้สติแบบฉบับยำเลียนแบบ
January 12th, 2013 by ฟิล์มสยอง
Scared (2005) รับน้องสยองขวัญ - สยองไร้สติแบบฉบับยำเลียนแบบ

Scared (2005) รับน้องสยองขวัญ – สยองไร้สติแบบฉบับยำเลียนแบบ

Scared (2005)
รับน้องสยองขวัญ
นำแสดง: ณปภา ตันตระกูล(แพท), ชิดจันทร์ รุจิพรรณ(พลอย), กอบกุลยา จึงประเสริฐศรี(เพื่อน), กัญญา รัตนเพชร(ลูกตาล), ชัชวาล สีดา(บอม), ธโนทัย เอื้ออมรรัตน์(เต้ย), บวรพจน์ ใจกันทา(ไม้), ภัณฑิลา ฟูกลิ่น(แอร์), ภาคย์ วรรณศิริ(ไผ่), วรรัตน์ นิยมเดช(โอปอ), วงษ์เทพ คุณารัตนวัฒน์(จอห์นสัน), สุมนต์รัตน์ วัฒนาเศลารัตน์(ปีใหม่), สุดปราชญ์ อึ้งตระกูล(โน้ต), อมรพรรณ กองตระการ(หมิว), อิทธินันท์ อุณหเทพารักษ์(ป๊อก) , อัจฉรา สว่างไว(อ้อม)
กำกับ และ เขียนบท: ภาคภูมิ วงษ์จินดา
ประเภท: Horror/Thriller

Scared (2005) รับน้องสยองขวัญ - สยองไร้สติแบบฉบับยำเลียนแบบ

Scared (2005) รับน้องสยองขวัญ – สยองไร้สติแบบฉบับยำเลียนแบบ

เนื้อเรื่องย่อ: รุ่นพี่คณะนิเทศศาสตร์ของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง พารุ่นน้องกว่า 30 ชีวิต ไปรับน้องนอกสถานที่ แต่ปรากฏว่าเกิดอุบัติเหตุระหว่างทาง รถบัสที่นำพาชีวิตนักศึกษาที่สดใส ได้เดินทางมาถึงสะพานข้ามแม่น้ำกลางป่าลึก ซึ่งเป็นสะพานไม้ผุพังไม่มั่นคง ขณะที่รถบัสแล่นไปได้กลางสะพาน เหตุการณ์ร้ายก็เกิดขึ้น สะพานไม้เกิดหักครืนลง รถบัสดิ่งลงสู่แม่น้ำที่เชี่ยวกราก ด้วยความสูงกว่า 50 เมตร นักศึกษาเกือบทั้งหมดต้องสังเวยชีวิตให้กับอุบัติเหตุครั้งนี้ มีเพียงส่วนหนึ่งที่รอดชีวิตมาได้

พวกเขาต้องเดินเท้าออกจากป่าลึก จนกระทั่งมาพบเมืองร้างกลางหุบเขา ที่ไม่มีผู้ใดอาศัยอยู่เลย ณ สถานที่ลึกลับแห่งนี้เอง ที่พวกเขาได้เจอกับเหตุการณ์สยองขวัญ ซึ่งพรากชีวิตของเพื่อนๆ พวกเขาไปทีละคนอย่างโหดเหี้ยม ไม่มีใครบอกได้ว่า พวกเขาไปลบหลู่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ หรือเป็นฝีมือของใครที่จ้องทำลายชีวิตพวกเขา คนที่รอดชีวิตกลับมาเท่านั้น ที่จะรู้ว่าที่แท้จริงสิ่งเหล่านี้คืออะไร…

อิทธิพลของหนัง
ใครที่ดูหนังเรื่องนี้แล้วนึกถึงอะไรบ้างครับ…วิธีการฆ่า, มุมกล้อง, อุปกรณ์การฆ่า, บุคลิกของนักฆ่า, เครื่องแต่งการของนักฆ่า, บรรยากาศและสถานที่ถ่ายทำ, สัญชาติญาณดิบของเหยื่อ…มันคุ้นๆ อะไรบ้างมั้ย…จะว่าไป หนังสยองที่ออกมาไล่ฆ่าคนอย่างไร้สติมีออกมามากมาย จนกระทั่งทำให้ผู้กำกับนึกมุขไม่ออกว่าจะให้มันออกมาเป็นทิศทางไหนดี แต่ทว่าไปแล้วสิ่งที่ผมกล่าวมาทั้งหมดข้างต้น ผู้กำกับภาคภูมินำเอาหนังสยอง(ดังๆ) หลายๆ เรื่องผสมปนเปกันจนเรียกได้ว่า “ไม่สร้างสรรค์” โหดแบบไร้สติ ฉากวิธีการฆ่า ไล่ล่า จากหนังดังๆ เช่น I know What You Did Last Summer, Battle Royal , The Texas Chainsaw จนถึงหนังสยองสุดคัลต์อย่าง Haute Tension และฉากโหดบางฉากผมยังไปนึกถึงผลงานของ Takashi Miike อีกด้วย มุขต่างๆ ถูกนำมาประเคนใส่หนังของตนเองซะจนน่าสะอิดสะเอียน บทหนังไร้เหตุผลไร้น้ำหนัก มีอยู่มากมายในเรื่อง อาทิ เด็กนักศึกษาสาวที่มีบทให้รอดตายก็ดูจะเข้มแข็งและแข็งแรงผิดมนุษย์ ขนาดโดนฆาตรกรโหดทำร้ายซะสาหัส ท้ายสุดขับรถยิ้มแฉ่ง เริงร่าอย่างน่าสงสัย “เฮ้ย โดนไปตั้งเยอะ ไม่เจ็บเหรอไงวะ?@!?” หรืออย่างมารับน้องนอกสถานที่ทั้งที ยังใส่ชุดนักศึกษากันอีกเหรอเนี่ย?@!? หรืออย่าง หนังสมัยใหม่ขนาดนี้ เด็กนักศึกษาสาวก็เห็นพกโทรศัพท์มือถือคุยอยู่ในรถบัส แต่พอเวลาฉุกเฉินกลับไม่มีใครนึกถึงโทรศัพท์มือถือกันเลยหรือไง?@!? หรืออย่างฉากการไล่ล่า เพื่อนตายมาแล้วไม่รู้กี่ศพ แต่พอนักศึกษาเข้าไปเจอมินิมาร์ทกลับแกะห่อขนมกินเล่นกันอย่างสนุกสนาน หน้าตาเฉย แบบว่า…”เฮ้ย เพื่อนเอ็งตายไปแล้วตั้งกี่คน ยังเล่นกันได้แบบนี้อีกเหรอวะ?@!?” เรียกว่าจุดอ่อนตรงนี้ของ ภาคภูมิ มีเพียบครับ หากจะสร้างหนังสยองขวัญเรื่องต่อไป คงต้องทำการบ้านอีกเยอะ

ฉากและการถ่ายทำ
หาทำเลดีอยู่ครับ ทั้งฉากในป่า มินิมาร์ท แม่น้ำไหลเชี่ยว ดูเงียบงัน และให้บรรยากาศน่ากลัวดี แต่ทว่าบางฉาก กลับทำได้ไม่สมจริงเลย อย่างฉากที่รถบัสกำลังจะตกจากสะพาน ภาพฉายออกมาราวกับรถกระป๋องจำลองห้อยอยู่ได้อย่างน่าตลกสิ้นดี หรืออย่างการถ่ายทำจากการจะเข้าไปรับน้องอยู่ในป่า สักพักก็ดันไปเจอเหมือนโรงงานร้างขนาดใหญ่โต (ซะงั้น -_-‘) ราวกับโรงงานอุตสาหกรรม ที่ไม่น่าจะอยู่ในป่าเลย หากเป็นโรงนาอยู่ตามธรรมชาติก็ว่าไปอย่าง หรืออย่างมินิมาร์ท (ใหม่เอี่ยมและสุดหรูหรา) กลางป่าทึบ แต่บริเวณพื้นที่ใกล้เคียงกลับเป็นโรงงานร้าง ออฟฟิศร้างเก่า(โคตร) ห้องน้ำโสยิ่งกว่าห้องน้ำตามปั๊มในต่างจังหวัดหรือตามโรงเรียน(ที่เด็กนั่งมั่วสุมดูดบุหรี่) อีก ซึ่งไม่คิดว่าจะมีนักท่องเที่ยวผ่านมาบริเวณนั้นได้เลย…แต่พี่ภาคภูมิก็ “จัดห้ายย” ในแบบ “งงๆ” ไร้เหตุผลสิ้นดีครับ

ประเด็นดีๆ ที่มีอยู่
เนื้อเรื่องพยายามสอดแทรกประเด็นดีๆ (ที่มีอยู่น้อยนิดและเบาบาง) เข้าไปในหนังด้วย
– ในเรื่องของการเชื่อฟังแม่ สิ่งที่แม่เตือน แม่เป็นห่วงนั้นสำคัญ โดยเฉพาะเด็กสมัยนี้ที่ติดเพื่อน บูชาเพื่อนและเคารพรุ่นพี่ ยิ่งกว่า พ่อแม่ของตัวเองซะอีก เป็นจุดเตือนใจที่ดี
– ฉากการรับน้อง บรรยากาศการว๊ากที่ทำให้เรานึกถึงตอนวัยรุ่นได้ดี ยิ่งฉากบายศรีทำได้ทีเดียว เป็นประเพณีที่ปัจจุบันยังคงรักษาไว้
– เรื่องราวของการเคารพเจ้าที่ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่กล่าวไว้ในตอนต้นเรื่องถึง ประตูผี เจ้าที่ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่หากเราไปที่ไหนก็ควรเคารพ และบอกกล่าวท่านไว้ก่อนก็เป็นสิ่งที่ดี แต่หากใครลบหลู่ ดูหมิ่นแล้วนั้น สิ่งไม่ดีก็จะเกิดขึ้นกับตัวเอง

ตอนจบ
ผู้กำกับเล่นกับกระแส Reality Game Show ที่คนฮิตกันเหลือเกิน กับการ Vote SMS เพื่อสั่งให้ผู้เล่นเกมอยู่ต่อ หรือ ออก (ตาย) ฉากจบหักมุมโดยการฉายภาพมาที่เด็กน้อยตัวเล็ก (ผู้หญิง) ยืนกดโทรศัพท์มือถืออยู่หน้าจอโทรทัศน์ ซึ่งผมว่า ผู้กำกับกะจะกระฉากอารมณ์คนดูให้รู้สึกว่า แม้กระทั่งสาวน้อยตัวเล็กยังมีอิทธิพลต่อชีวิตของผู้เล่นเกม (นักศึกษาที่กำลังผจญฆาตรกรในป่า) ซึ่งกระฉากอารมณ์ได้โหดร้ายแบบไร้สาระสุดๆ คงจะเป็น Reality Game Show ที่เล่นกันวันเดียวจบ สั่งเป็นสั่งตายได้เหมือนใบสั่งจากศาล หรือสรรพากร ตอนจบผมว่าผู้กำกับภาคภูมิคิดดีครับ ไอเดียดี แต่สื่อสารออกมาได้ไร้น้ำหนักและไม่เข้าท่าเอาซะเลย

หนังเรื่องนี้ถูกฉายเมื่อปลายปี 48 ครับ ผมเองซึ่งพลาดการดูในโรงมาแล้ว (เข็ดกับหนังสยองไทยเหลือเกิน) ตอนนี้หากใครสนใจก็คงต้องไปเช่าดีวีดี/วีซีดีมาดูกันได้ครับ… หนังที่ดูได้เพลินๆ อย่าไปคาดหวังอะไรให้มากมายละกัน…

โดย ศร-รณ (aka ถั่วเขียว ณ ทุ่งสังหาร)
Rating: 3.00 / 6.00

VN:F [1.9.22_1171]
Rating: 4.4/5 (5 votes cast)

Posted in Horror Movie Reviews, Horror Movies S - U Tagged with: , , ,

See No Evil (2006) "เกี่ยว ลาก กระชาก นรก" ลูกตา ชำแหละ สับ และเลือด กับความรุนแรงที่หนังประเคนให้คุณตลอดระยะเวลาโดยเจ้ายักษ์ Kane
January 12th, 2013 by ฟิล์มสยอง
See No Evil (2006) "เกี่ยว ลาก กระชาก นรก" ลูกตา ชำแหละ สับ และเลือด กับความรุนแรงที่หนังประเคนให้คุณตลอดระยะเวลาโดยเจ้ายักษ์ Kane

See No Evil (2006) “เกี่ยว ลาก กระชาก นรก” ลูกตา ชำแหละ สับ และเลือด กับความรุนแรงที่หนังประเคนให้คุณตลอดระยะเวลาโดยเจ้ายักษ์ Kane

See No Evil (2006)
เกี่ยว ลาก กระชากนรก | Eye Scream Man | Goodnight | The Goodnight Man
นำแสดง: Glen Jacobs (Jacob Goodnight as Kane), Christina Vidal (Christine), Michael J. Pagan (Tyson), Steven Vidler (Frank Williams), Samantha Noble (Kira), Penny McNamee (Melissa), Craig Horner (Richie), Tiffany Lamb (Hannah Anders), Luke Pegler (Michael), Cecily Polson (Margaret), Rachael Taylor (Zoe), Sam Cotton (Young Jacob), Corey Parker Robinson (Blaine), Annalise Woods (Young Girl) Zoe Ventura (Eyeless Women)
กำกับ: Gregory Dark
เขียนบท: Dan Madiganม Harris Levine Wilkinson
ประเภท: Horror

See No Evil (2006) "เกี่ยว ลาก กระชาก นรก" ลูกตา ชำแหละ สับ และเลือด กับความรุนแรงที่หนังประเคนให้คุณตลอดระยะเวลาโดยเจ้ายักษ์ Kane

See No Evil (2006) “เกี่ยว ลาก กระชาก นรก” ลูกตา ชำแหละ สับ และเลือด กับความรุนแรงที่หนังประเคนให้คุณตลอดระยะเวลาโดยเจ้ายักษ์ Kane

เรื่องย่อ: See No Evil บอกเล่าเรื่องราวอันสุดสยองของอาชญากร วัยรุ่นแปดคนสุดเฮี้ยวที่ถูกเลือกตัวให้มาใช้เวลาในช่วงสุดสัปดาห์ทำความสะอาดโรงแรมเก่าหมดสภาพและผุผังแห่งหนึ่งเพื่อแลกเปลี่ยนกับการลดโทษ แต่พวกเขาทั้งแปดไม่รู้เลยว่าบัดนี้ โรงแรมแห่งนี้ได้กลายมาเป็นที่พักของฆาตกรประจำท้องที่ผู้เป็นตำนาน และเป็นพวกไม่พิสมัยคนแปลกหน้าสักเท่าไหร่ เมื่อหนึ่งในพวกเขาถูกลักพาตัวไปโดยเจ้าฆาตกรสุดโหด และไม่มีใครรู้ถึงชะตากรรมของเธอ คนที่เหลือจึงต้องขุดลึกเข้าไปในตัวเองและค้นหาความกล้าที่จะเผชิญหน้ากับพลังธรรมชาติอันยิ่งใหญ่ที่ยากจะทำลายได้ ที่มาพร้อมกับความรุนแรงแบบสุดขั้ว

หนึ่งในปีศาจร้ายที่อาจจะกลายเป็นตำนาน…
หากคุณพิสมัยความโหด ฆ่าล้างโคตรในบุคลิกของ LeatherFace แบบ Texas Chainsaw แล้วล่ะก็ See No Evil ก็เป็นปฐมบทที่ทาง WWE Film กำลังจะสร้างตัวแสดงจากนักมวยปล้ำร่างยักษ์ “Kane” ที่มีส่วนสูงถึง 7 ฟุต หนักมากกว่า 300 ปอนด์ ให้กลายเป็นฆาตกรในตำนานอีกคนที่คุณจะต้องจดจำ ผมไม่แน่ใจว่าหลังจากหนังเรื่องนี้ประสบความสำเร็จไปแล้ว จะมีโครงการทำภาคต่อไปหรือไม่ แต่ความพยายามที่จะทำให้ Kane กลายเป็นฆาตกรที่มีบุคลิกนิยมการควักลูกตา เพื่อมาชำระล้างบาปนั้น ทำได้ไม่เลวครับ แม้บทโหดๆ เราจะเห็นสไตล์ หรือลีลาท่าทางการชำแหละ การควักในเรื่องอื่นๆ มาแล้วก็ตาม ถือว่า See No Evil ของทาง WWE Film สอบผ่านเลย รับรองได้ว่า มีหลายฉากที่คนขวัญอ่อนจำต้องเบือนหน้าหนีกันแน่ๆ คงต้องรอดูกันต่อไปทั้งเรื่องของการตอบรับ และรายได้ หากมีผลตอบรับที่ดี ผมว่าน่าจะมีภาคต่อออกมาแน่ๆ ดูอย่างหนังเรื่อง Saw ภาคแรกสิครับ หนังอินดี้เอามาฉายบ้านเราอย่างเงียบๆ แต่ทำออกมาโดนใจวัยโหด ผลพวงพรวดออกมาหลายภาคเลย และถูกนำเข้าฉายตามโรงใหญ่ๆ อีกต่างหาก คงต้องรอดูกันต่อไปสำหรับ See No Evil

ผู้กำกับ Gregory Dark และทีมงาน
หลายคนในปัจจุบันจะรู้จักลุง Gregory Dark จากผลงานการกำกับมิวสิกวิดีโอให้กับศิลปินชื่อดัง อาทิ Linkin Park, Disturbed, Sublime ไปจนถึงสาวสุดเซ็กซ์อย่าง Britney Spears แต่ในอดีตนั้น ลง Gregory นั้นฝากผลงานไว้กับหนังในสไตล์ Thriller / Drama ไว้เพียบ โดยเฉพาะ หนังในแนวจำพวกที่ unrate ผู้ใหญ่ดูได้เท่านั้น ลุงแกก็เคยทั้งกำกับและแสดงมาแล้ว อันที่จริงตอนแรกผมนึกว่า ลุง Gregory จะใส่ฉากติดเรทลงในหนัง Horror เรื่องนี้ไว้เพียบ แต่แกกลับไม่ได้ดึงจุดเด่นที่แกถนัดมาใส่มากนัก กลับเน้นไปที่ความโหด สยดสยอง แบบโบนัสแจกฟรี ไม่อั้น ไม่เกรงใจผู้ชมกันเลย ผมไม่แน่ใจว่าหนังที่นำมาฉายในเมืองไทยนั้นจะถูกตัดตอนโหดๆ ออกไปด้วยหรือเปล่า เพราะเท่าที่ดูนั้น น่าจะมีฉากโหดๆ ฮาร์ดคอร์จัดจ้านกว่านี้อยู่ด้วย หากใครทราบและมีหนังในแบบ Uncut ของ See No Evil ก็อย่าลืมเขียนมาเล่าให้ฟังด้วยล่ะว่ามันเป็นยังไง นอกจาก Gregory Dark แล้ว ยังต้องขอชมฝีมือของทีมงาน อาทิ พวกโปรดักชั่นดีไซน์ และทีมงานที่ทำอวัยวะปลอม อย่าง Jason Baird ผมว่าเพื่อนๆ น่าจะคุ้นเคยกับฝีมือของนาย Jason กันเป็นอย่างดี ในหนังสยองเรื่อง House of Wax, Ghost Ship และหนังอื่นๆ อาทิ The Matrix, Star Wars เป็นต้น

“เกี่ยว ลาก กระชากนรก” ลูกตา ชำแหละ สับ และเลือด กับความรุนแรงที่หนังประเคนให้คุณตลอดระยะเวลา หากคุณเป็นผู้พิสมัยความโหดในแบบล้างบางแล้วล่ะก็ หาซื้อเรื่องนี้มาเก็บก็น่าจะดีไม่น้อย เพราะไม่รู้ว่า ต่อไป เจ้า Kane เจ้าเครื่องจักรยักษ์สีแดงตนนี้จะกลายมาเป็น ไอดอลของฆาตกรร่างยักษ์กับความโหดในแบบฉบับของเขาเองหรือเปล่า อันนี้คงต้องพิสูจน์กันต่อไป…

โดย ศร-รณ (aka ถั่วเขียว ณ ทุ่งสังหาร)
Rating: 4.00 / 6.00

VN:F [1.9.22_1171]
Rating: 3.2/5 (5 votes cast)

Posted in Horror Movie Reviews, Horror Movies S - U

SAW III (2006) การกลับมาอย่างแข็งแกร่งของ Amanda ผู้ช่วยคนใหม่ของ Jigsaw!
January 12th, 2013 by ฟิล์มสยอง

 

SAW III (2006) การกลับมาอย่างแข็งแกร่งของ Amanda ผู้ช่วยคนใหม่ของ Jigsaw!

SAW III (2006) การกลับมาอย่างแข็งแกร่งของ Amanda ผู้ช่วยคนใหม่ของ Jigsaw!

Saw 3 | Saw III (2006)
นำแสดง: Tobin Bell (John Cramer : Jigsaw), Shawnee Smith (Amanda), Angus Macfadyen (Jeff), Bahar Soomekh (Dr. Lynn Denlon), Dina Meyer (Kerry), Mpho Koaho (Tim), Barry Flatman (Judge Halden), Lyriq Bent (Rigg), J. LaRose (Troy)
กำกับ: Darren Lynn Bousman
เขียนบท: James Wan (story) & Leigh Whannell (screenplay)
ประเภท: Horror / Thriller / Crime

SAW III (2006) การกลับมาอย่างแข็งแกร่งของ Amanda ผู้ช่วยคนใหม่ของ Jigsaw!

SAW III (2006) การกลับมาอย่างแข็งแกร่งของ Amanda ผู้ช่วยคนใหม่ของ Jigsaw!

เรื่องย่อ: “จิ๊กซอว์” นักเชิดหุ่นผู้อยู่เบื้องหลังเกมส์ที่โหดร้าย ซึ่งสร้างความสยดสยองให้กับชุมชน และทำให้ตำรวจงงงวย พร้อมด้วย Amanda (Shawnee Smith) ผู้ช่วยคนใหม่ สามารถรอดพ้นจากการจับกุมไปได้อีกครั้ง และหายตัวไป ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนประจำเมืองออกควานหาตัวเขา บุคคลสำคัญสองคนคือ Dr. Lynn Denlon (Bahar Soomekh) และ Jeff (Angus Macfadyen) ไม่รู้ตัวเลยว่า พวกเขาได้กลายเป็นหมากตัวล่าสุด บนกระดานหมากรุกที่แสนชั่วช้า…

SAW III
ภาพยนตร์สยองชื่อดัง กลับมาเขย่าขวัญอีกครั้ง ซึ่งด้วยเนื้อหาและตัวละครแล้ว ผมคาดว่าน่าจะสิ้นสุดที่ไตรภาคนี้ แต่ก็ไม่แน่ อาจมีตัวละครบางตัวที่มาจากภาค 1 – 3 ไปโผล่อยู่ในภาค 4 ก็ยากที่จะคาดเดา แต่เท่าที่ทราบว่า เห็นว่าทาง James Wan ผู้กำกับ (ภาคแรก) และผู้เขียนเนื้อหาที่เต็มไปด้วยชั้นเชิงเหนือคาดเดากำลังเขียนบทภาพยนตร์ตอนที่ 4 อยู่

มาว่าถึง SAW ภาค 3 กันต่อ…ในภาคนี้ ได้ Darren Lynn Bousman ผู้กำกับจากภาค 2 มากำกับต่อ และได้ Leigh Whannell นักแสดงและผู้เขียนบทภาพยนตร์ฝีมือดีมาร่วมเขียนบทภาพยนตร์กันต่อในภาคนี้ (เฮีย คนนี้ แกได้ร่วมแจมเขียนบทภาพยนตร์ใน Hostel Part II ด้วยแหละ) นับได้ว่า ลีลา ชั้นเชิง ความเชื่อมโยงของตัวละคร ที่ James Wan และ Leigh Whannell บรรจงประพันธ์นั้น ไม่ผิดหวังครับ ยังคงเข้มข้นทั้งเนื้อหา ทั้งความรุนแรง

ฉากหลาย ๆ ฉากใน SAW III นั้น ประเคนความโหดใส่ผู้ชมอย่างไม่ยั้งจริงๆ (ตรึงโซ่ แช่กรด ถลกหนังหัว เลื่อยกะโหลก หัวแบะ แหวะพุง และอีกสารพัดชนิดความโหด ดุ) มีฉาก Gore ให้คนข้างๆ คุณได้หยีหลี่ตากันแน่นอน ผมไม่แน่ใจว่า หนังจะถูกตัดตอนความโหดออกไปมากน้อยเพียงใดนะครับ ถ้ามีโอกาสคงต้องหาภาค Uncut มาดูเต็มๆ อีกทีแน่นอน ตัวหนังในภาคนี้ ฉายให้เห็นถึงที่มาที่ไปของตัวละครแต่ละตัวที่มีชีวิตเหลืออยู่มาจากภาคแรกและภาคสอง ทำให้เราได้ร้องอ๋อ กับที่มา และเหตุผลของการกระทำทั้งหลายแหล่ที่เกิดขึ้น หนังยังคงใช้ theme หลักในเรื่องของการที่คนเราไม่เห็นคุณค่าชีวิตของตัวเอง จนท้ายสุดที่รู้ว่า กำลังจะสูญเสียชีวิตของตัวเองไป แล้วต้องดิ้นรนเพื่อที่จะรักษาชีวิตของตนนั้นให้อยู่ต่อไป ซึ่งเป็น “เกม” ที่ฆาตกร Jigsaw ใช้สอนชีวิตของคนเหล่านั้น ผนวกกับเนื้อหาอีกด้านที่ใช้ตัวละครหลักอย่าง Amanda ในการที่จะบอกเล่าถึงการระบายความโกรธแค้นผ่าน “เกม” ที่ Jigsaw เป็นคนคิดขึ้นมา ความแตกต่างระหว่าง Jigsaw กับ Amanda ที่เรื่องนี้ต้องการบอกคือ “การให้อภัย” นั้น สำคัญยิ่งกว่าการเจ็บ แค้น เคือง โกรธ และทุกข์ระทมในจิตใจของคนเรานั่นเอง ปรัชญาในหนังสยองเรื่องนี้ ผมยกนิ้วให้ครับ…

เนื่องจาก SAW ภาคแรก และภาคสองนั้นประสบความสำเร็จอย่างมหาศาล ทุนสร้างคงมีเพิ่มขึ้นจากหนังนอกสายตาในภาคแรก จนมาถึงภาค 3 นั้น โปรดักชั่นนั้น ตระการตาเหลือเกิน โดยเฉพาะการสร้างตัวละคร Amanda (Shawnee Smith) ที่กลายเป็นผู้ช่วยของ Jigsaw ให้กลายเป็นผู้หญิงโหด แกร่งและโคตรเก่ง ในแบบที่ว่า สามารถสร้างเครื่องทรมาน หลากหลายเผ่าพันธุ์ชนิดความดุ ในระดับที่ ผมคิดว่า Amanda ต้องจบวิศวะ พวกช่างกล ช่างไฟฟ้า สารพัดช่าง หรือต้องจบพวกวิทยาศาสตร์ หรือไม่จบอะไรเลย แต่ต้องศึกษาวิธีการทำเครื่องมือการทรมานมาตั้งแต่ 5 ขวบแน่ ๆ เลย เพราะหล่อนเก่งเหลือเกิน (ไป) โดยเฉพาะฉากที่เธอกล่าวกับ ดอกเตอร์ลินน์ บรรยายให้เห็นภาพของความโหดร้ายกับเครื่องมือทรมานที่สวมอยู่บนคอของดอกเตอร์ลินน์ โดยหล่อนจบประโยคบทสนทนาด้วยคำว่า “…เพราะฉันเป็นคนสร้างเครื่องมือนั้นเอง” ผมว่า การสร้างตัวละครให้เก่งเหนือจริง มันทำให้รสชาดความเป็น Thriller / Crime ของหนังมันจืดจางลงไป (บ้าง) สเน่ห์ลดลงไป (บ้าง) แต่ก็เป็นเพียงจุดเล็ก ๆ น้อยๆ ไม่ได้ทำให้อรรถรสการชมภาพยนตร์ลดลงไปแน่นอน

ยังไงก็แนะนำครับ กับ SAW III แฟนฟิล์มสยอง ห้ามพลาด!

Update เพิ่มเติม 12/1/2013: ณ ขณะที่นำ Saw ภาค 3 อัพเดทกลับขึ้นเว็บฟิล์มสยองอีกครั้ง ตอนนี้ SAW ขยายเผ่าพันธุ์กันไปสู่ภาค 7 ภาค 8 ที่จะคลอดออกมาเรื่อยๆ ซึ่งผมว่ายิ่งสร้างออกมาก็ยิ่งเสื่อมครับ แต่สำหรับแฟนพันธุ์แท้หนัง SAW ก็คงต้องติดตามกันต่อไปเรื่อยๆ หามาสะสมได้ตามอัธยาศัยครับ

โดย ศร-รณ (aka ถั่วเขียว ณ ทุ่งสังหาร)
Rating: 5.00 / 6.00

VN:F [1.9.22_1171]
Rating: 4.5/5 (2 votes cast)

Posted in Horror Movie Reviews, Horror Movies S - U Tagged with: , , , ,

Runaway Jury (2003) จากนวนิยายของ John Grisham เจ้าพ่อนักเขียนแนวอาชญากรรม
January 10th, 2013 by ฟิล์มสยอง
Runaway Jury (2003) จากนวนิยายของ John Grisham เจ้าพ่อนักเขียนแนวอาชญากรรม

Runaway Jury (2003) จากนวนิยายของ John Grisham เจ้าพ่อนักเขียนแนวอาชญากรรม

Runaway Jury (2003)
นำแสดง: John Cusack (Nicholas Easter), Gene Hackman (Rankin Fitch), Dustin Hoffman (Wendell Rohr), Rachel Weisz(Marlee), Bruce Davison (Durwood Cable), Bruce McGill (Judge Harkin), Jeremy Piven (Lawrence Green), Nick Searcy (Doyle), Stanley Anderson (Henry Jankle), Joanna Going (Celeste Wood)
กำกับ: Gary Fleder
เขียนบท: จากนวนิยายของ John Grisham, Brian Koppelman..
ประเภท: Thriller/ Drama/Crime

Runaway Jury (2003) จากนวนิยายของ John Grisham เจ้าพ่อนักเขียนแนวอาชญากรรม

Runaway Jury (2003) จากนวนิยายของ John Grisham เจ้าพ่อนักเขียนแนวอาชญากรรม

จากนวนิยายของ John Grisham เจ้าพ่อนักเขียนแนวอาชญากรรม ที่มีทนายเป็นตัวเอก ผมเริ่มต้นรู้จัก Grisham ตั้งแต่ได้อ่านนวนิยายเรื่อง The Firm (ถูกนำมาสร้างเป็นหนังที่มี พี่ Tom Cruise เป็นพระเอก) ,The Client, A Time To Kill จนถึง Runaway Jury นวนิยายอีกเรื่องที่ถูกหยิบไปทำเป็นภาพยนตร์ และก็ทำได้ไม่ผิดหวังไปจากต้นฉบับ

หนังเริ่มต้นด้วยเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันของผู้ร้ายที่ใช้ปืนบุกเข้าไปยิงในออฟฟิศแห่งหนึ่งอย่างป่าเถื่อน ภาพของผู้ชายคนหนึ่งถูกยิงตาย…ซึ่งผู้ชายคนนั้น เป็นพ่อของเด็กหกขวบ และเป็นสามีผู้รักครอบครัวของ Celeste Wood (Joanna Going) เธอจำต้องฟ้องศาลเอาผิดกับบริษัทจำหน่ายปืน เนื่องด้วยผู้ร้ายที่ได้ฆ่าตัวตายไป และไม่มีใครจะมารับผิดชอบในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น…ด้วยปัญหาการถกเถียงกันในเรื่องการปล่อยให้จำหน่ายปืนอย่างเสรี ด้วยข้ออ้างเพื่อการป้องกันตัว หรือจะเป็นด้วยเหตุผลทางการค้า…

“กฎหมาย และกระบวนการยุติธรรม” จึงต้องเข้ามาตัดสินในเหตุการณ์ดังกล่าว…ทำให้ต้องมีการเลือกลูกขุน เข้ามาร่วมในกระบวนการยุติธรรมของศาล (ขอเล่านิดนึงเรื่องศาลครับ… บางทีดูหนังพวกอาชญากรรม อาจจะสงสัยว่าทำไมกระบวนการยุติธรรม ระบบศาลของไทยเรากับหนังที่เราดูของฮอลิวู้ดถึงได้แตกต่างกัน ก็เพราะว่าใช้ระบบกฎหมายต่างกันนะครับ ของพี่ไทยเรายึดตามตัวบทกฎหมายที่เป็นลายลักษณ์อักษร หรือที่เรียกว่า ประมวลกฎหมาย ในระบบ Civil Law ส่วนของสหรัฐฯ เขาใช้ระบบกฎหมายแบบ Common Law เป็นหลักครับ เขาจะยึดจากคำพิพากษาของศาล และเพื่อความยุติธรรม เขาจึงใช้ Jury หรือ คณะลูกขุนผู้ที่ถูกคัดเลือกเข้ามาช่วยตัดสินคดีด้วย) บทบาทของ Nicholas Easter(John Cusack) หนึ่งในผู้ที่ต้องการจะเป็นลูกขุนในการตัดสินคดีนี้จึงเริ่มต้นขึ้น

หากใครได้ดูหนังเรื่องนี้ คงต้องตั้งคำถามว่า สิ่งที่ตัวนำ Nicholas Easter(John Cusack) และ Marlee (Rachel Weisz) พยายามทำเพื่อการโน้มน้าวลูกขุนนั้น เป็นเพราะเหตุผลเรื่องเงินอย่างเดียวหรือ…ซึ่งความจริงได้เฉลยในตอนท้ายของเรื่อง หนังนอกจากจะแสดงการดำเนินเรื่องอย่างเหนือชั้นแล้ว ยังได้นักแสดงเจ้าบทบาทอย่าง Dustin Hoffman มาแสดงเป็นทนาย Wendell Rohr ในฝั่งของโจกท์ผู้เรียกร้องความยุติธรรม ในขณะที่ Gene Hackman แสดงบทเป็น Rankin Fitch ทนายฝ่ายจำเลย หรือ บริษัทปืน ผู้มากด้วยเล่ห์เหลี่ยมและใช้กลโกง ทุกวิธีการเพื่อให้ได้มาซึ่งชัยชนะในศาล

หนัง Drama/Crime/Thriller เรื่องนี้เด่นในหลายๆ ด้านครับ ตั้งแต่
– ผู้กำกับ Gary Fleder เท่าที่จำได้ Gary เคยฝากผลงานไว้ในเรื่อง Kiss the Girls (หนัง Crime Thriller ที่มี Morgan Freeman เป็นตัวนำ..ใครพอจำได้บ้าง) การกำกับหนังแนวอาชญากรรม สืบสวน สอบสวนแบบนี้ Gary ไม่ทำให้ผิดหวังครับ…
– นักแสดงรุ่นใหญ่อย่าง Gene Hackman, Dustin Hoffman และ John Cusack ทั้งสาม ดำเนินเรื่องได้อย่างเข้มข้น น่าติดตาม ลีลา Acting นั้น…หายห่วง
– บทนวนิยายจากนักเขียนสุดเก๋า John Grisham เรื่องราวในศาล ทนาย และบทหักมุมมีอยู่แน่นอนในผลงานของ Grisham ใครชอบหนังจำพวกนี้ ติดตามหาผลงานของเขามาอ่านกันได้เลย

อีกหนึ่งหนัง Drama/Thriller ที่แนะนำครับ…อย่าพลาด…

โดย ศร-รณ (aka ถั่วเขียว ณ ทุ่งสังหาร)
Rating: 4.50 / 6.00

VN:F [1.9.22_1171]
Rating: 4.0/5 (1 vote cast)

Posted in Horror Movie Reviews, Horror Movies P - R Tagged with: , , ,

Riki - Oh (1991) สนุกในแบบฉบับของหนังกังฟูครับ ยิ่งมีความสยองที่ผมนิยมใส่ลงไปด้วยแล้ว น่าสนใจมากครับ
January 10th, 2013 by ฟิล์มสยอง
Riki - Oh (1991) - หนังกังฟูแท้ๆ ในแบบของ Gory Horror แหวะๆ ครับ

Riki – Oh (1991) – หนังกังฟูแท้ๆ ในแบบของ Gory Horror แหวะๆ ครับ

Riki – Oh (1991)
The Story of Ricky | King of Strength | Lik wong
นำแสดง: Siu-Wong Fan (Riki-Oh Saiga), Mui Sang Fan (Assistant Warden as Faan Mooi Saang), Ka-Kui Ho (The Warden), Yukari Oshima (Yomi), Frankie Chin (Narumi Hai), Tetsuro Tamba (Riki’s Master), Gloria Yip (Keiko: Riki’s girlfriend), Philip Kwok (Lin Hung)
กำกับ: Kim Dong-bin
เขียนบท: Ngai Kai Lam และ Tetsuya Saruwatari (จากการ์ตูนเรื่อง Riki-oh)
ประเภท: Gory Fu Flick, Horror, Action, Fantasy, Comedy

Riki - Oh (1991) สนุกในแบบฉบับของหนังกังฟูครับ ยิ่งมีความสยองที่ผมนิยมใส่ลงไปด้วยแล้ว น่าสนใจมากครับ

Riki – Oh (1991) สนุกในแบบฉบับของหนังกังฟูครับ ยิ่งมีความสยองที่ผมนิยมใส่ลงไปด้วยแล้ว น่าสนใจมากครับ

หนังฮ่องกงที่ออกมาในแบบฉบับของหนังกังฟู บู๊ล้างผลาญ แต่ขอโทษครับ มันไม่ใช่หนังกังฟูธรรมดาๆ ตามหนังจีนช่อง 7 ที่เราคุ้นเคย แต่มันเป็นหนังกังฟู บู๊ล้างผลาญในแบบ “Gore” จนหน้าปกต้องลงคำโปรยว่าเป็นหนังที่มีส่วนผสมระหว่าง Evil Dead, Braindead และ The Matrix ในลีลากังฟูแบบ บรู๊ซ ลี หรือถ้าไทยๆ เราก็คงเป็นแบบจา พนม ยังไงยังงั้น…

เรื่องย่อ: Ricky หนุ่มหน้าตาดี ผู้มีพรสวรรค์ทางด้านหมัดมวย และความแข็งแกร่งของร่างกายที่เป็นเลิศ เขาดำรงชีวิตในแบบหนุ่มมหาวิทยาลัยธรรมดา แต่ชีวิตต้องผกผันเมื่อพ่อค้าฝิ่นจับตัวแฟนสาวของเขา และทำให้แฟนสาวต้องหนี จนต้องกระโดดตึกลงมาตาย…Ricky จำเป็นต้องแก้แค้นโดยการฆ่าพ่อค้าฝิ่น จนทำให้เขาต้องมาอยู่ในคุก…และที่นี่แหละ คือนรกที่ Ricky ต้องกวาดล้าง!

ฉากสยอง: ต้องบอกไว้ก่อนครับ หลักๆ ของหนังเรื่องนี้เป็นคิวบู๊ กังฟู เตะต่อย แต่สิ่งที่ Ngai Kai Lam เติมแต่งเข้าไปในเรื่องนี้คือ มันไม่ใช่การเตะต่อยธรรมดาครับ มันเป็นการต่อยประเภทที่ว่า พุงทะลุ ไส้ทะลัก หัวเบะ หรือจะเป็นฉากที่ควักไส้ตัวเอง ออกมาเป็นอาวุธใช้ในการรัดคอ ก็มีให้เห็น นอกจากนี้ยังมีจินตนาการในแบบฉบับของการแปลงร่างจากร่างกายผอมๆ ให้บึกบึนร่างยักษ์ก็มีให้เห็นเช่นกัน ฉากการบดเนื้อมนุษย์ในโรงครัว ในคุกก็เลือดท่วมจอจนล้นปริ่ม หรือจะเป็นการเฉือนหน้าแหวะเห็นกระดูกขาวในแบบที่เราเคยเห็นใน Ichi The Killer ก็มีให้เห็นเช่นกัน จะว่าไปต้องลองพิสูจน์กันเองครับ…

ความแปลกใหม่ของผู้ชมทั่วโลก!
ต้องบอกว่าเมื่อหนังเรื่องนี้ออกมานั้น มันฮือฮา และได้รับคำกล่าวขานบอกต่อกันในเหล่านักดูหนังสยองทั่วโลก…ผลงานชิ้นนี้เป็นของผู้กำกับหนังเรื่อง Erotic Ghost Story ที่สร้างชื่อให้กับผู้กำกับ Ngai Kai Lam มาแล้วไม่น้อย จนมาถึง The Story of Ricky เป็นการนำเอาพล๊อตหนังบู๊ ในแบบกังฟู เฉินหลง, บรู๊ซ ลี ที่เราคุ้นเคย มาใส่ความสยดสยองในแบบ Gory เข้าไป จนสื่อบางสื่อขนานนามในหนังเรื่องนี้เป็น หนังโคตรพ่อโคตรแม่ต้นแบบในฉบับของ Gory Fu Flick กันเลยทีเดียว!

ผมว่า คนไทยอย่างเราๆ คุ้นเคยหนังบู๊ กังฟู เตะต่อยกันมาตั้งแต่เด็กแล้วนะครับ แต่น้อยคนนักที่จะรู้ว่ามันมีหนังกังฟูสยองแบบนี้ด้วยหรือ! เพราะหนังสยองของจีน ฮ่องกง ส่วนใหญ่จะเล่นกับความแหวะในเรื่องใกล้ตัวอย่าง อาหาร เชื้อโรค หรือเน้นออกไปในทางของแก๊งมาเฟีย การพนันก็ว่ากันไป แต่นี่เป็นหนังกังฟูแท้ๆ ในแบบของ Gory ครับ ผมว่าใครยังไม่ได้ดูต้องหามาดูให้ได้ครับ เป็นหนังที่สร้างสรรค์เป็นอีกปรากฏการณ์หนึ่งในหนังกังฟู สยองกันเลยก็ว่าได้!

สนุกในแบบฉบับของหนังกังฟูครับ ยิ่งมีความสยองที่ผมนิยมใส่ลงไปด้วยแล้ว ต้องบอกเลยว่า เรื่องนี้ยิ่งน่าสนใจมากยิ่งขึ้นครับ เอาเป็นว่าใครมีโอกาสก็ลองเสาะหาดูละกันครับ!

โดย ศร-รณ (aka ถั่วเขียว ณ ทุ่งสังหาร)
Rating: 5.00 / 6.00

VN:F [1.9.22_1171]
Rating: 5.0/5 (1 vote cast)

Posted in Horror Movie Reviews, Horror Movies P - R Tagged with: , , ,

Reincarnation (2005) คนถ่ายผี - หนังผีผลงานผู้กำกับ Takashi Shimizu
December 23rd, 2012 by ฟิล์มสยอง
Reincarnation (2005)  Rinne คนถ่ายผี ผลงานของผู้กำกับ Takashi Shimizu

Reincarnation (2005) Rinne คนถ่ายผี ผลงานของผู้กำกับ Takashi Shimizu

Reincarnation (2005)
Rinne
นำแสดง:Yuka (Sugiura), Karina, Kippei Shiina (Matsumura), Tetta Sugimoto, Shun Oguri, Marika Matsumoto, Mantaro Koichi, Atsushi Haruta, Miki Sanjo
กำกับ: Takashi Shimizu
เขียนบท: Takashi Shimizu และ Masaki Adachi
ประเภท: Horror

Reincarnation (2005) คนถ่ายผี - หนังผีผลงานผู้กำกับ Takashi Shimizu

Reincarnation (2005) คนถ่ายผี – หนังผีผลงานผู้กำกับ Takashi Shimizu

Reincarnation คือภาพยนตร์เรื่องที่ 3 จากโปรเจ็กต์ J-Horror (มีทั้งหมด 6 เรื่อง) โดยสอง เรื่องก่อนหน้านี้คือ Premonition (Yogen รู้ เห็น ตาย) และ Infection (Kansen โรง พยาบาลผี) ตอนนี้เป็นคิวสยองของนักเล่นกล้องทุกประเภทที่จะต้องจับตาความตาย ห้ามกระพริบ เป็นอันขาด…

เรื่องย่อ:
เรื่องเล่าจาก 35 ปีก่อน ครอบครัวแสนสุขเดินทางไปพักผ่อน ณ รีสอร์ทอันสงบเงียบแห่งหนึ่ง แต่แล้วเหตุไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นเมื่อหัวหน้าครอบครัวเกิดอาการคุ้มคลั่งคว้าอีโต้ไล่ฟันครอบครัวตัวเอง รวมทั้งแขกและพนักงานที่นั่นตายสยอง 11 ศพ ที่สำคัญ เขาได้บันทึกทุกวินาทีฆ่าไว้ในกล้อง 8 มม. เวลาผ่านไปกว่า 3 ทศวรรษ ภาพเหตุสะเทือนขวัญบนฟิล์มเปื้อนเลือดกลายเป็นแรงบันดาลใจ ให้ผู้กำกับดาวรุ่งนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ และแล้วความสยองก็ถูกปลุกให้ฟื้นคืนชีพ เมื่อกองถ่ายเดินทางไปถ่ายทำยังที่เกิดเหตุจริงและนางเอกของเรื่องได้เห็นภาพหลอนของเหยื่อนับสิบ ราวกับว่าเหตุผวานั้นเพิ่งเกิดขึ้น นอกจากนั้น หลายคนอาจเคยได้ยินเรื่องการถ่ายติดภาพวิญญาณในกล้องวิดีโอมาบ้าง ซึ่งนั่นอาจเป็นเพราะวิญญาณเหล่านั้นต้องการสื่อบางอย่างกับเรา เรื่องราวใน Reincarnation “คนถ่ายผี” ก็คือ ตัวอย่างหนึ่งของความน่ากลัวที่มาจากกล้องวิดีโอ เพราะมัน คืออุปกรณ์บันทึกจุดจบอันโหดร้ายของเหยื่อฆาตกรรมที่ตายพร้อมความอาฆาต ดังนั้นเมื่อมีคนเปิดม้วนฟิล์มนี้ขึ้นอีกครั้ง ความสะพรึงของแรงพยาบาทก็กลับมา เพราะเรื่องบางเรื่อง คนเราอาจลืมไปแล้ว แต่วิญญาณเหล่านั้นยังไม่ลืม

หนึ่งผลงานของ Takashi Shimizu
ทาคาชิ ชิมิสุ เป็นที่รู้จักในหมู่คอหนังสยองทั่วโลกจากหนังผีภาคต่อ Ju-on (ผีดุ) ที่กวาดรายได้สะพรึงถล่มบ๊อกซ์ออฟฟิศญี่ปุ่นจนฮอลลีวู้ดซื้อไปรีเมคภายใต้ชื่อ The Grudge (โคตรผีดุ) ซึ่งชิมิสึเองนั่นแหละที่เป็นผู้กำกับ และมันก็ทำรายได้ถล่มบ๊อกซ์ออฟฟิศอเมริกาไม่แพ้ต้นฉบับ นอกจากนั้น Shimizu ยังได้ทำหนังคุณภาพอย่าง Marebito และหนังในซีรียส์ Dark Tales of Japan อีกด้วย

หากผลงานที่ผ่านมาของ Shimizu ทำให้หนังเรื่อง Reincarnation หรือ Rinne ถูกจับตามอง แต่สำหรับผมแล้ว Rinne ที่ยังเทียบความดุ หลอน ของหนังผีในยุคแรก ๆ ที่เขากำกับไว้ อย่าง Ju-on ไม่ได้ หนังเรื่องนี้อาจเป็นอีกแนวทางหนึ่งที่ต้องการจะฉีกภาพเดิมๆ ของหนังผี หน้าขาว Ju-on ที่เขาเคยทำไว้ก็อาจเป็นได้

Reincarnation กับชื่อ “คนถ่ายผี”
ไม่แน่ใจเหมือนกันว่า ทำไมช่วงนี้บ้านเราถึงนำเข้าหนังประเภทกลับชาติมาเกิดมาพร้อมกันสองเรื่อง คือ Reincarnation ของ Takashi Shimizu และ Re-cycle ของสองที่น้อง Pang ที่กำลังรอเข้าโรงต่อจาก Reincarnation อาจจะเป็นเหตุผลทางการตลาด หรือสิ่งอื่นใดก็มิอาจทราบได้ แต่ที่แน่ๆ การนำเรื่อง Reincarnation ซึ่งเป็นหนังตั้งแต่ปี 2005 (เพิ่งจะได้นำ มาฉายบ้านเราในปี 2006 นี้) มาตั้งชื่อเป็น “คนถ่ายผี” และนำ theme เรื่องของการเล่นกล้องมาเป็นจุดขายในบ้านเรา ผมว่ามันออกจะแปร่งๆ ไปสักนิด และไม่เข้ากันอยู่สักหน่อย เพราะเรื่องราวจริงๆ ที่ Shimizu ต้องการจะทำในหนังผีเรื่องนี้ คือ การเล่นเรื่องราวของจิตวิทยา และจิตวิญญาณหลังความตายซะมากกว่า หากแต่การตั้งชื่อเรื่องแบบนี้ อาจสร้างจุดสนใจให้ผู้ชมไปดูได้ไม่น้อย…ผมต้องขอบอกไว้ตรงนี้ก่อนครับว่า คนถ่ายผี ไม่ใช่หนังจำพวกที่เน้นเรื่องราวเกี่ยวกับคนเล่นกล้อง หรือ ผู้นิยมหนัง 8 มิล. หรือ หนังที่คนคาดคิดว่าจะออกมาในสไตล์ชัตเตอร์ หนังผีสัญชาติไทยของเรา แต่มันเป็นหนังผีจิตวิทยาที่เน้นความหลอนมากกว่าความน่ากลัวสะดุ้งแบบสุดๆ ครับ

Rinne ผี…จิต…หลอน
Reincarnation เป็นหนังผีจำพวกที่ไม่ได้เน้นฉากหวือหวาให้เราสะดุ้งผวากันเป็นระยะ ๆ อย่างหนังเรื่อง Ju-on ที่ Shimizu เคยทำเอาไว้นะครับ จึงขอเตือนด้วยความห่วงใย สำหรับผู้ที่สนใจหนังเรื่องนี้ว่า มันจะน่ากลัว เลือดสาด และสะดุ้งผวา ชนิดหนุ่มสาวเข้าชม แล้วกอดกันตัวกลมเป็นหนึ่งเดียว อะไรเทือกนั้นนะ…

Rinne กลับเป็นหนังผี จำพวกที่เล่นกับเรื่องราวของศาสนา จิตวิทยา และโรคประสาทในทางการแพทย์อย่างเข้มข้น อาการทางประสาทที่ว่านั้นวิทยาศาสตร์เรียกว่า Klepto-Amnasia หรือการซึมซับความทรงจำอื่นเข้ามาในความทรงจำของตนเอง และปล่อยให้มันแทนที่จนความทรงจำเก่าสูญหาย และการผสมผสานความเชื่อทางด้านพุทธศาสนาเข้ามาด้วย ซึ่งผมว่านี่น่าจะ เป็น theme สำคัญ ที่ Shimizu ต้องการจะถ่ายทอดเรื่องราวทั้งหมดออกมาในเรื่องนี้…และเขาก็ตีโจทย์ให้แตกได้พอสมควรเลย ตัวหนังค่อยๆ คลี่คลาย ปมปริศนาทุกอย่างตั้งแต่ต้นเรื่อง จนถึงคำตอบสุดท้ายได้อย่างแนบเนียน และคาดไม่ถึง

ในทางกลับกัน…สิ่งที่ผมว่าหนังเรื่องนี้ ถ้าไม่ตั้งใจดู อาจแพ้ภัยตัวเองให้หลับได้นั้น อาจเป็นเพราะ..ตัวหนังไม่สามารถฉุดอารมณ์การคลี่คลายปริศนาให้น่าดู ลุ้นระทึก อย่างสุดขั้ว และไม่มี จุด peak ของหนังที่เด่นชัด มันกลับกลายเป็นว่า หนังเรื่องนี้ถ่ายทอดเรื่องราวกันไปเรื่อยๆ ขนาดตัวหนังผ่านไปหนึ่งชั่วโมงแล้ว ผมยังคิดอยู่ในใจเลยว่า เอ…สามสิบนาทีสุดท้ายก่อนที่หนังจะจบ คงจะมีอะไรเด็ดๆ ใน Rinne แน่นอน…แต่มันก็ไม่ใช่ครับ หนังยังคงดำเนินไปเรื่อยๆ ด้วยเรื่องราวที่ไม่หวือหวา และคอยเฉลยคำตอบ คลี่คลาย ปมปริศนาของหนังไปเรื่อยๆ เมื่อหนังไม่มีจุด Peak ที่จะฉุดอารมณ์ของคนดู สเน่ห์ในตัวของ Reincarnation ก็ลดลง อย่างไม่น่าให้อภัยกันเลย…

คงต้องฝากไว้ครับ สำหรับคนที่สนใจก็ขอให้ตั้งใจดู และซึมซับกับมุมมองของหนังผี ที่ Shimizu กล่าวไว้ว่า Reincarnation เป็นนิยามใหม่ของหนังสยองขวัญที่เราควรจับตามอง…พิสูจน์กันได้ครับ

โดย ศร-รณ (aka ถั่วเขียว ณ ทุ่งสังหาร)
Rating: 3.00 / 6.00


VN:F [1.9.22_1171]
Rating: 3.0/5 (1 vote cast)

Posted in Horror Movie Reviews, Horror Movies P - R Tagged with: , , , , ,

Red Eye (2004) รถไฟผี - รีวิวหนังผี
December 23rd, 2012 by ฟิล์มสยอง
Red Eye (2004) รถไฟผี - รีวิวหนังผี

Red Eye (2004) รถไฟผี – รีวิวหนังผี

Red Eye (2004)
รถไฟผี
นำแสดง: Jang Shin-yeong (Mi-sun), Kwak Ji-min (So-hee), Lee Dong-kyu (Jin-kyu)
กำกับ: Kim Dong-bin
เขียนบท: Lee Yong-yeon, Seong Gi-young
ประเภท: Horror/Thriller, Drama

Red Eye (2004) รถไฟผี - รีวิวหนังผี

Red Eye (2004) รถไฟผี – รีวิวหนังผี

รู้สึกอย่างไรบ้าง ถ้าหากรถไฟขบวนที่คุณกำลังเดินทางอยู่นั้น มีโบกี้เก่าที่เคยประสบอุบัติเหตุสยองมาพ่วงอยู่ด้วย…

จุดเริ่มต้นของความหายนะเมื่อ 16 กรกฏาคม 1988 รถไฟขบวนหนึ่งที่กำลังมุ่งหน้าไปที่ Yeosu ประสบอุบัติเหตุอย่างรุนแรง มีผู้เสียชีวิตมากมายนับร้อย ซึ่งสาเหตุที่แน่ชัดไม่สามารถระบุได้…

16 ปีผ่านไป…วันครบรอบความหายนะก็มาถึง ความลึกลับปริศนาที่รอให้ Mi Sun (Jang Shin young) พนักงานรถไฟสาวที่มาทำงานในคืนวันเกิด ซึ่งความจริงนั้นเธอควรจะไปสนุก ฉลองกับเพื่อนๆ ในวันนี้ แต่เธอกลับขอแลกกะเพื่อมาทำงานในขบวนเที่ยวดึกด้วยเหตุผลส่วนตัวที่ไม่อาจบอกใครได้ รถไฟเริ่มออกเดินทางไปยังจุดมุ่งหมาย สิ่งแปลกๆ เริ่มเกิดขึ้นบนรถไฟขบวนนั้น เหตุการณ์ที่ Mi Sun พบเจอ ระหว่างปัจจุบันกับภาพหลอกหลอนในอดีตเริ่มขึ้น ทว่าจุดหมายปลายทางของรถไฟขบวนนี้กำลังจะวิ่งไปที่ไหนกัน…ชานชลาปลายทาง หรือหายนะซากที่เคยเกิดขึ้นเมื่อ 16 ปีก่อน ติดตามหามาดูได้ครับ

หนังของ Kim Dong-bin ที่ใช้ชื่อว่า Red Eye นี้ นำมาจากสัญลักษณ์ไฟกระพริบสีแดงที่บอกถึงสัญญาณอันตราย เรื่องถูกคลี่ปมออกขณะที่ใช้ภาพขาว – ดำ – แดงกระพริบหลอกหลอนประสาทคนดูได้อย่างน่าชม สิ่งที่ Kim Dong-bin ทำได้น่าดูอีกอย่างคือ การทำคอมพิวเตอร์กราฟฟิคที่ไม่ค่อยเห็นในหนังสยองขวัญเกาหลีเท่าไรนัก สำหรับในเรื่องนี้ มีหลายฉากที่ทำให้น่าประทับใจ หนังเนียนไม่ดูเป็นดิจิตัลมากซะจนเลี่ยนแต่กลับนำมาใช้ได้อย่างลงตัวและพอเหมาะพอควร ถือได้ว่าเป็นยุคใหม่ของหนังผีเกาหลีที่นอกจาก ผีหน้าขาวจะคลายออกมาจากมุมต่างๆ ของฉากแล้วนั้น หนังเรื่อง Red Eye พยายามจะฉีกความจำเจตรงนั้นออกไป นับได้ว่าเป็นความตั้งใจที่ดีของผู้กำกับ ใครที่เป็นแฟนหนังสยองขวัญเอเซียโดยเฉพาะญี่ปุ่น กับเกาหลีนั้น ผมแนะนำให้ลองหามาดูกันครับ หนังไม่ได้สมบูรณ์แบบแต่มุมมองและเจตนาของผู้กำกับที่นำสิ่งต่างๆ มาใช้ในหนังเรื่องนี้ เป็นสิ่งที่น่าศึกษายิ่ง…

โดย ศร-รณ (aka ถั่วเขียว ณ ทุ่งสังหาร)
Rating: 3.50 / 6.00


VN:F [1.9.22_1171]
Rating: 1.8/5 (4 votes cast)

Posted in Horror Movie Reviews, Horror Movies P - R Tagged with: , , ,

Paranormal Activity 1 (2007) Reality ขนหัวลุก
December 23rd, 2012 by ฟิล์มสยอง
Paranormal Activity 1 (2007) Reality ขนหัวลุก

Paranormal Activity 1 (2007) Reality ขนหัวลุก

Paranormal Activity (2007)
นำแสดง: Katie Featherston (Katie), Micah Sloat (Micah), Mark Fredrichs (The Psychic), Amber Armstrong (Amber) และ Ashley Palmer (Diane – Girl on Internet)
กำกับและเขียนบท: Oren Peli
ประเภท: Mystery / Horror / Thriller

Paranormal Activity 1 (2007) Reality ขนหัวลุก

Paranormal Activity 1 (2007) Reality ขนหัวลุก

เรื่องราวของเรียลลิตี้ขนหัวลุก กล่าวถึง คู่รัก Katie และ Micah กับบ้านสยองที่ Katie เชื่อว่ามีผีคอยตามหลอกหลอนเธออยู่ แต่มันจะเป็นอย่างไร เมื่อความลี้ลับนั้นไม่ได้เกิดจากตัวบ้าน หากแต่มันเกิดกับตัว Katie เอง ที่หมอผีหรือคนทรงเจ้าบอกกับเธอว่า ไม่ว่าเธอจะไปอยู่ที่ไหน ก็ไม่สามารถหนีพ้นได้ มันจะตามหลอกหลอนเธอไปทุกที่
Micah สามีสุดซ่าส์พยายามพิสูจน์เรื่องดังกล่าวโดยซื้อกล้องวิดีโอคอยบันทึกภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันตั้งแต่ตื่นยันช่วงเวลานอน และพวกเขาก็พบกับเหตุการณ์ประหลาดขึ้นจริงๆ !

Paranormal Activity
นี่ไม่ใช่หนังสยองเลือดสาด หรือหนังประเภทผีหน้าแหวะ หน้าขาวออกมาหลอกหลอนกันนะครับ มันเป็นหนังประเภทโฮมวิดีโอ เก็บ Footage ของหนังมาเล่าเรื่องภายหลังจากเหตุการณ์สยองได้ผ่านพ้นไปแล้ว ลักษณะเดียวกับ The Blair Witch Project (ผู้ชมบางท่านนำไปเปรียบเทียบกับ REC หรือ Quarantine ในฉบับฮอลิวู๊ด แต่ผมว่าตัวหนังไม่ได้ตื่นเต้นด้วยอารมณ์ไล่ล่าของผีซอมบี้อย่าง REC ครับ เพราะงั้นอย่าเข้าไปผิดนะ เดี๋ยวตอนหาหนังมาดูจะผิดหวังซะเปล่าๆ) หนังเริ่มบิ้วอารมณ์ตั้งแต่ประตูเปิดปิดเองได้ จนถึงเสียงหลอกหลอนใกล้ตัว เช่นเสียงเดิน เสียงวิ่ง หรือเสียงทุบ จนถึงวัตถุเคลื่อนไหวเองอย่างที่ไม่สามารถพิสูจน์ได้ ฉากที่ Katie ลุกขึ้นมาจ้องสามีของเธอหลับยาวนาน 2 – 3 ชั่วโมงโดยที่ตัว Katie เองไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังทำอะไรอยู่ ก็หลอนได้อารมณ์ไม่น้อย Paranormal Activity ไม่ได้มีผีโผล่ออกมาให้เห็นเป็นตัวเป็นตน จะมีเฉพาะฉากที่พิสูจน์ผีโดยการโรยแป้งไว้ตามพื้นและพวกเขาก็เห็นเป็นรอยเท้าเกิดขึ้นมาจริง ๆ เท่านั้น นอกจากนั้นในฉากหลังๆ คุณคงต้องพิสูจน์กันเอง เพราะตอนจบก็ยังมีให้เลือกแบบได้ด้วย

No name กันตั้งแต่ผู้กำกับยันนักแสดง
ต้องบอกเลยว่าตั้งแต่ชื่อของผู้กำกับ Oren Peli จนถึงชื่อของดารานำหลัก 2 คนคือ Katie และ Micah ล้วนแล้วแต่ no name ครับ เป็นการดีที่ผู้กำกับไร้ชื่อสามารถสร้างชื่อได้มากมายล้นหลาม เนื่องด้วยไอเดีย ความคิดแหวกแนว และประสบการณ์สยองที่เขาได้พบเจอมากับตัวจึงสามารถถ่ายทอดเรื่องราวใกล้ตัวคุณ ได้ด้วยมุมมองที่น่าสนใจ ส่วน Katie กับ Micah ก็เป็นดาราใหม่ที่เล่นบทบาทได้อย่างเป็นธรรมชาติราวกับเป็นสามีภรรยาที่เพิ่งแต่งงานกันจริงๆ (หลังจากเดินสายจากหนังเรื่องนี้ คิดว่าสองคนนี้น่าจะมีงานเข้ามากมายกันล่ะทีนี้)

หนังเริ่มออกฉายตามเทศกาลหนังสยองในปี 2007 และได้ไปเข้าตาคนในจาก Dream Works จนถูกส่งต่อถึงมือของสปีลเบิร์ก จากคำกล่าวถึงหนังเรื่องนี้ของสปีลเบิร์ก ยิ่งทำให้ยิ่งปลุกกระแสเรียลลิตี้ขนหัวลุกขึ้นไปอีก เราจะเห็นภาพการทำ PR หนังโดยเปิดฉายให้มวลชนเข้ามาตัดสินความสยองที่เกิดขึ้น การทำ PR หนังโดยถ่ายภาพผู้ชมที่กำลังอินน์ไปกับเรื่องราวสยองนี้มีให้เห็นอยู่ทั่วไป แม้แต่พี่ไทยเราก็ใช้การทำ PR แบบนี้ คือให้เห็นภาพคนกลัวจริง ๆ และก็มีการสัมภาษณ์ผู้ชมหลังจากดูจบ ซึ่งมันได้ผลเกินคาดจากกระแสตอบรับของผู้ชมสยองทั่วโลก!

หนังใช้ทุกสร้างประมาณหมื่นกว่าดอลล่าห์แต่สามารถทำเงินถล่มทลายเป็นหลักล้านกันแล้วตอนนี้ ซึ่งคาดว่ายอดรายได้น่าจะทะลุอย่างไม่หยุดยั้งไปอีกช่วงระยะเวลาหนึ่งแน่นอน ด้วยกระแสปากต่อปาก ด้วยกระแสสื่อทางอินเตอร์เน็ตทำให้หนังเรื่องนี้ไม่หยุดนิ่ง ยังคงเล่าขานกันไปเรื่อยๆ ที่แน่ ๆ เห็นข่าวว่าทางผู้กำกับมีโปรเจ็กต์ที่จะจัดทำ Paranormal Activity 2 ก็หวังว่าอย่าให้เหมือน The Blair Witch Project ที่ทำภาค 2 ออกมาห่วยได้ใจครับ

หลายคนบอกว่าหนังเรื่องนี้น่าเบื่อ ไปดูแล้วก็หลับไม่ได้อินน์หรือตื่นเต้นหลอนจริงอย่างคำโปรยจากหลาย ๆ สำนักสื่อ แต่สำหรับผมมันเป็นเรื่องใกล้ตัวที่ยากจะปฏิเสธกับเหตุการณ์ลี้ลับที่ไม่สามารถพิสูจน์ได้
เมื่อใกล้ตัว ตัวหนังที่เราดูก็ยิ่งรู้สึกได้อารมณ์หลอน
แนะนำครับ โดยเฉพาะผู้เคยเจอผี!

โดย ศร-รณ (aka ถั่วเขียว ณ ทุ่งสังหาร)
Rating: 5.50 / 6.00

Updated 23/12/2012: ขณะกำลังนำบทความที่เขียนไว้หลายปีที่แล้วขึ้นเว็บฟิล์มสยองตอนนี้ ในปี 2012 Paranormal Activity ถูกทำออกมาจนถึงภาคที่ 4 แล้วนะครับ เดินทางมาได้ไกลทีเดียว ตัว Oren Peli ผู้กำกับนั้นก็โด่งดังไปด้วยชื่อเสียง เงินทอง สำหรับผมยกย่องให้ภาค 1 ภาคนี้ภาคเดียวที่ได้ใจไปเลย นอกนั้น เพื่อนๆ หลายคนคงได้ดูกันแล้ว ใครที่ยังไม่ได้ดีก็ไปหามาดูกัน และตัดสินกันเอาเองครับ ไว้มีเวลาจะนำภาคอื่นๆ มาเขียนรีวิวให้อ่านกัน


VN:F [1.9.22_1171]
Rating: 5.0/5 (1 vote cast)

Posted in Horror Movie Reviews, Horror Movies P - R Tagged with: , , , , ,