Long Weekend (2013) หรือ ทองสุก 13 ยำรวมมิตรรสรั่ว ตำมั่วไร้รสชาติ
February 2nd, 2013 by ฟิล์มสยอง
Long Weekend (2013) หรือ ทองสุก 13 ยำรวมมิตรรสรั่ว ตำมั่วไร้รสชาติ

Long Weekend (2013) หรือ ทองสุก 13 ยำรวมมิตรรสรั่ว ตำมั่วไร้รสชาติ

Long Weekend | ทองสุก 13 (2013)
ผู้กำกับ : ทวีวัฒน์ วันทา
เขียนบท: เอกสิทธิ์ ไทยรัตน์, สมหมาย เลิศอุฬาร, อดิเรก วัฎลีลา, ทวีวัฒน์ วันทา
นักแสดงนำ : ชินวุฒ อินทรคูสิน, ชีรณัฐ ยูสานนท์, ฌอห์ณ จินดาโชติ, อัครณัฐ อริยฤทธิ์วิกุล, ณัฐภัสสรา อดุลยาเมธาสิริ, กิตติ์ลภัส กรสุทธิ์ไรวรรณ
ประเภท: Horror

Long Weekend (2013) หรือ ทองสุก 13 ยำรวมมิตรรสรั่ว ตำมั่วไร้รสชาติ

Long Weekend (2013) หรือ ทองสุก 13 ยำรวมมิตรรสรั่ว ตำมั่วไร้รสชาติ

จากคำโปรยใน Facebook ของ “ทองสุก 13”
“ทองสุก 13” เป็นหนังผีแนวระทึกขวัญ non stop ที่จะทำให้คุณแปลกใจไปทั้งเรื่อง เพราะมันมีทั้งเรื่องของมิตรภาพ ความรัก และความท้าทาย ที่รอให้คุณไปสัมผัสอยู่ อยากให้ลองไปดูกัน คาดเดาไม่ได้จริงๆ ครับ – จาก http://www.facebook.com/wavepicturesofficial

ทองสุก 13 ภาพยนตร์ไทยเรื่องแรกของค่ายน้องใหม่ เวฟ พิคเจอร์ส ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้ คุณแป๊ป ณฤทธิ์ ยุวบูรณ์ รับหน้าที่โปรดิวเซอร์ ร่วมกับ คุณอังเคิล อดิเรก วัฏลีลา ผลงานการกำกับโดย ทวีวัฒน์ วันทา

เนื้อเรื่องย่อ “ทองสุก 13”
ในกลุ่มเพื่อนๆ มักจะมีใครคน ที่เป็นลูกไล่/ ตัวลง มักโดนแกล้งอยู่เสมอ และ “ทองสุก” ( ชิน ชินวุฒ อินทรคูสิน ) ก็เป็นตัวลงประจำกลุ่ม ด้วยความที่เป็นคนเนิร์ดๆ แถมยังดูเอ๋อ จึงโดนรุมแกล้งอยู่เสมอตั้งแต่เด็กๆ ยังดีที่เขายังมี “น้ำ” (น้ำชา – ชีรณัฐ ยูสานนท์ ) เป็นเพื่อนที่เห็นใจทองสุกมากที่สุด ทั้งสองเป็นเพื่อนกันตั้งแต่เด็กจนเรียนมหาวิทยาลัยแต่เพราะความเนิร์ดของทองสุก ทำให้กลุ่มเพื่อนใหม่ไม่ว่าจะเป็น บอย (ฌอห์ณ จินดาโชติ ) , แจ๊ก (น๊อต อัครณัฐ อริยฤทธิ์วิกุล ) และสองสาวเลสเบี้ยน บีม (กอล์ฟ ณัฐภัสสรา อดุลยาเมธาสิริ ) กับ ปุ้ย (ฐา กิตติ์ลภัส กรสุทธิ์ไรวรรณ ) ก็ทนความเนิร์ดประหลาดของทองสุกไม่ไหว แม้น้ำจะขอให้เพื่อนๆ ทำใจยอมรับก็ตาม

แล้ววันหยุดยาวที่กำลังจะมาถึงก็ทำให้ทุกคนต้องลืมเพื่อนคนนี้ไม่ลงไปตลอดชีวิต เมื่อทุกคนนัดกันหนีทองสุกไปเที่ยวกันที่เกาะเล็กๆ กลางทะเลสาบเวิ้งว้างแห่งหนึ่ง โดยมีโจทย์ง่ายๆว่า งานนี้ต้องไม่มีทองสุก แต่ใครจะรู้ว่า ทองสุก แอบไปเซอร์ไพร์สที่นั่น และในคืนนั้นดันไปตรงกับวัน ศุกร์ 13 ที่ว่ากันว่าเป็น “คืนผีแดก” คืนที่วิญญาณผีร้ายออกมากินเครื่องเซ่นสังเวย เพื่อนๆจึงตอบแทนทองสุกด้วยการแกล้งด้วยการขังในตู้ที่ปิดตาย หารู้ไม่ว่าคนในกลุ่มได้รับบทเรียนที่ขำไม่ออก ในคืนที่เต็มไปด้วยความหลอนและไม่มีใครไว้ใจใครแม้กระทั้งตัวเอง ทั้งหมดจะรอดจากหายนะนี้ได้หรือไม่ ทองสุกจะรอดพ้นจากทั้งคนทั้งผีได้หรือไม่

“ทองสุก 13” หนังผีแนวระทึกขวัญ “non stop”
ได้อ่านรายละเอียดของหนังเรื่องนี้ มองไปที่ชื่อของผู้กำกับ ทวีวัฒน์ ที่สร้างผลงานสร้างชื่ออย่าง ขุนกระบี่ ผีระบาด ในปี 2004 ที่สร้างมาจากผลงานหนังสั้นของตัวเอง จนมาถึงอสุจ๊าก ในปี 2007 หนังเรื่องนี้ไม่ค่อยโดนผมเท่าไรครับ แต่ที่เห็นได้รับคำชมมาไม่น้อยใน อนุบาล เด็กโข่ง ปี 2009 จนมาถึงเรื่องล่าสุด ทองสุก 13 จะว่าไปชื่อผู้กำกับที่แหวกแนวมาทำแนวสยอง จะเป็นสิ่งที่น่าดึงดูดติดตามนั้น หาไม่ครับ สิ่งเดียวที่ดึงดูดก็คงเป็นชื่อของคุณเอกสิทธิ์ ไทยรัตน์ มือเขียนบท นักวาดการ์ตูนที่สร้างชื่อจาก เรื่องสั้นจิตหลุด ที่นำมาสร้างเป็นหนัง 13 เกมสยอง จนถึง ฝีมือการเขียนบทร่วมกับ ชูเกียรติในหนังเรื่อง บอดี้ ศพ 19, หนึ่งในหนังสยองสี่แพร่ง ตอน ยันต์สั่งตาย, ใครในห้อง หรือ Who r u? หนังหลุดๆ อีกเรื่องที่พลิกบทตอนจบแบบ “เฮ้อ -_-” และ หลุดสี่หลุด จนมาถึง ทองสุก 13 Profile น่าติดตามและน่าสนใจมากครับ สำหรับคนมากฝีมือแบบเอกสิทธิ์

Long Weekend…สุดสัปดาห์รั่วหลุด
แหม…บังเอิญจริงๆ ครับ นั่งเขียนรีวิวเรื่องทองสุก 13 อยู่ เปิดทีวีช่อง 3 ก็มีเบื้องหลังภาพยนตร์เรื่อง ทองสุก 13 โผล่มาพอดี…เพี้ยน และเฮี้ยนดีจริงๆ 😉

ทองสุก 13 เห็นว่าเป็นเรื่องใกล้ตัวของคุณเอกสิทธิ์นำมาเขียนบอกเล่าถ่ายทอดลงในหนังเรื่องนี้ ผมว่าหากเทียบจากงานก่อนๆ ในทองสุก 13 ตัวบทนั้นดูอ่อนแอ เบาบาง และเต็มไปด้วยการยัดเยียดมุกสยองจนไม่สยอง…หลายๆ คนพูดถึง หนังทองสุก 13 โดยเอาไปเปรียบเทียบกับหนัง Cabin in the Wood ซึ่งถูกยกย่องเป็นหนังสยองยุคใหม่ที่โดนใจหลายๆ คน บางคนยิ่งเอาไปเทียบกับหนังสยองสุดคัลท์ Evil Dead ผมยิ่งว่า อย่าเอาไปเทียบเลยครับ ทองสุก 13 ยังไม่ไปถึงขั้นนั้นหรอก…

ทองสุก 13 เป็นหนังผี หนังสยองรั่วๆ ที่พยายามจะใช้ประชาสัมพันธ์ปล่าวประกาศว่าเป็นหนังผียุคใหม่ หนังผีที่มีความน่ากลัวหลอกหลอนตลอดเวลาแบบ non stop โดยนำเอาอิทธิพลจากหนังผีคัลท์ๆ ของต่างแดนมาประเคนใส่ลงในไปหนังด้วยความ “เคารพ” ต่อต้นฉบับ…มันก็ไม่ได้ต่างอะไรกับการหยิบมุกสยองของหนังหลายๆ เรื่องมารวมกันหน่ะครับ หากแต่การรวมกันนี้ เอามาใส่ในหนังชั่วโมงกว่าๆ ซะจนล้น จนขาดน้ำหนัก และรสชาติความสยอง ทำให้กลายเป็นการดูหนังเรื่องนี้ แบบเซ็งๆ จะตื่นเต้นก็ไม่ตื่นเต้น จะน่ากลัวก็ไม่น่ากลัว กลับกลายเป็นว่าฉากฮาๆ สองสามฉากในหนังเรื่องนี้นั้นจะดูดีกว่าตัวหนังทั้งเรื่องอีก

หนังผีทองสุก 13 ได้นักร้องนักแสดงอย่างน้ำชา และชิน มาแสดงแบบจัดเต็มครับ นักแสดงนำทั้งสองก็ทำหน้าที่ของตนเองได้ดี ทุ่มเทและจัดเต็มในทุกฉาก ส่วนบทบาทการแสดงของนักแสดงท่านอื่นๆ นั้นก็เล่นได้เป็นธรรมชาติกับบทบาทการแสดงดี…ทีมนักแสดงอาจจะเป็นสิ่งเดียวที่น่าสนใจในเรื่องทองสุก 13 นี้นะครับ

ใครเป็นแฟน ชิน น้ำชา หรือนักแสดงท่านอื่นๆ ก็ไปอุดหนุนภาพยนตร์ไทยสยองขวัญเรื่องนี้กันได้นะครับ

ส่วนใครที่ไม่ได้เป็นแฟนของดารา แต่เป็นแฟนหนังสยอง…ผมแนะนำให้ท่านชั่งใจก่อนซื้อตั๋วเข้าไปชมหนังเรื่องนี้ละกันครับ

“นี่แหละที่เขาเรียกว่า..ผีหลอก” (เอาตังส์)…จ้ากกกกกกกก!!!

ตัวอย่างหนังทองสุก 13


โดย ศร-รณ
Rating: 2.00 / 5.00

VN:F [1.9.22_1171]
Rating: 2.7/5 (19 votes cast)

Posted in Horror Movie Reviews, Horror Movies J - L Tagged with: , , , , ,

Scared (2005) รับน้องสยองขวัญ - สยองไร้สติแบบฉบับยำเลียนแบบ
January 12th, 2013 by ฟิล์มสยอง
Scared (2005) รับน้องสยองขวัญ - สยองไร้สติแบบฉบับยำเลียนแบบ

Scared (2005) รับน้องสยองขวัญ – สยองไร้สติแบบฉบับยำเลียนแบบ

Scared (2005)
รับน้องสยองขวัญ
นำแสดง: ณปภา ตันตระกูล(แพท), ชิดจันทร์ รุจิพรรณ(พลอย), กอบกุลยา จึงประเสริฐศรี(เพื่อน), กัญญา รัตนเพชร(ลูกตาล), ชัชวาล สีดา(บอม), ธโนทัย เอื้ออมรรัตน์(เต้ย), บวรพจน์ ใจกันทา(ไม้), ภัณฑิลา ฟูกลิ่น(แอร์), ภาคย์ วรรณศิริ(ไผ่), วรรัตน์ นิยมเดช(โอปอ), วงษ์เทพ คุณารัตนวัฒน์(จอห์นสัน), สุมนต์รัตน์ วัฒนาเศลารัตน์(ปีใหม่), สุดปราชญ์ อึ้งตระกูล(โน้ต), อมรพรรณ กองตระการ(หมิว), อิทธินันท์ อุณหเทพารักษ์(ป๊อก) , อัจฉรา สว่างไว(อ้อม)
กำกับ และ เขียนบท: ภาคภูมิ วงษ์จินดา
ประเภท: Horror/Thriller

Scared (2005) รับน้องสยองขวัญ - สยองไร้สติแบบฉบับยำเลียนแบบ

Scared (2005) รับน้องสยองขวัญ – สยองไร้สติแบบฉบับยำเลียนแบบ

เนื้อเรื่องย่อ: รุ่นพี่คณะนิเทศศาสตร์ของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง พารุ่นน้องกว่า 30 ชีวิต ไปรับน้องนอกสถานที่ แต่ปรากฏว่าเกิดอุบัติเหตุระหว่างทาง รถบัสที่นำพาชีวิตนักศึกษาที่สดใส ได้เดินทางมาถึงสะพานข้ามแม่น้ำกลางป่าลึก ซึ่งเป็นสะพานไม้ผุพังไม่มั่นคง ขณะที่รถบัสแล่นไปได้กลางสะพาน เหตุการณ์ร้ายก็เกิดขึ้น สะพานไม้เกิดหักครืนลง รถบัสดิ่งลงสู่แม่น้ำที่เชี่ยวกราก ด้วยความสูงกว่า 50 เมตร นักศึกษาเกือบทั้งหมดต้องสังเวยชีวิตให้กับอุบัติเหตุครั้งนี้ มีเพียงส่วนหนึ่งที่รอดชีวิตมาได้

พวกเขาต้องเดินเท้าออกจากป่าลึก จนกระทั่งมาพบเมืองร้างกลางหุบเขา ที่ไม่มีผู้ใดอาศัยอยู่เลย ณ สถานที่ลึกลับแห่งนี้เอง ที่พวกเขาได้เจอกับเหตุการณ์สยองขวัญ ซึ่งพรากชีวิตของเพื่อนๆ พวกเขาไปทีละคนอย่างโหดเหี้ยม ไม่มีใครบอกได้ว่า พวกเขาไปลบหลู่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ หรือเป็นฝีมือของใครที่จ้องทำลายชีวิตพวกเขา คนที่รอดชีวิตกลับมาเท่านั้น ที่จะรู้ว่าที่แท้จริงสิ่งเหล่านี้คืออะไร…

อิทธิพลของหนัง
ใครที่ดูหนังเรื่องนี้แล้วนึกถึงอะไรบ้างครับ…วิธีการฆ่า, มุมกล้อง, อุปกรณ์การฆ่า, บุคลิกของนักฆ่า, เครื่องแต่งการของนักฆ่า, บรรยากาศและสถานที่ถ่ายทำ, สัญชาติญาณดิบของเหยื่อ…มันคุ้นๆ อะไรบ้างมั้ย…จะว่าไป หนังสยองที่ออกมาไล่ฆ่าคนอย่างไร้สติมีออกมามากมาย จนกระทั่งทำให้ผู้กำกับนึกมุขไม่ออกว่าจะให้มันออกมาเป็นทิศทางไหนดี แต่ทว่าไปแล้วสิ่งที่ผมกล่าวมาทั้งหมดข้างต้น ผู้กำกับภาคภูมินำเอาหนังสยอง(ดังๆ) หลายๆ เรื่องผสมปนเปกันจนเรียกได้ว่า “ไม่สร้างสรรค์” โหดแบบไร้สติ ฉากวิธีการฆ่า ไล่ล่า จากหนังดังๆ เช่น I know What You Did Last Summer, Battle Royal , The Texas Chainsaw จนถึงหนังสยองสุดคัลต์อย่าง Haute Tension และฉากโหดบางฉากผมยังไปนึกถึงผลงานของ Takashi Miike อีกด้วย มุขต่างๆ ถูกนำมาประเคนใส่หนังของตนเองซะจนน่าสะอิดสะเอียน บทหนังไร้เหตุผลไร้น้ำหนัก มีอยู่มากมายในเรื่อง อาทิ เด็กนักศึกษาสาวที่มีบทให้รอดตายก็ดูจะเข้มแข็งและแข็งแรงผิดมนุษย์ ขนาดโดนฆาตรกรโหดทำร้ายซะสาหัส ท้ายสุดขับรถยิ้มแฉ่ง เริงร่าอย่างน่าสงสัย “เฮ้ย โดนไปตั้งเยอะ ไม่เจ็บเหรอไงวะ?@!?” หรืออย่างมารับน้องนอกสถานที่ทั้งที ยังใส่ชุดนักศึกษากันอีกเหรอเนี่ย?@!? หรืออย่าง หนังสมัยใหม่ขนาดนี้ เด็กนักศึกษาสาวก็เห็นพกโทรศัพท์มือถือคุยอยู่ในรถบัส แต่พอเวลาฉุกเฉินกลับไม่มีใครนึกถึงโทรศัพท์มือถือกันเลยหรือไง?@!? หรืออย่างฉากการไล่ล่า เพื่อนตายมาแล้วไม่รู้กี่ศพ แต่พอนักศึกษาเข้าไปเจอมินิมาร์ทกลับแกะห่อขนมกินเล่นกันอย่างสนุกสนาน หน้าตาเฉย แบบว่า…”เฮ้ย เพื่อนเอ็งตายไปแล้วตั้งกี่คน ยังเล่นกันได้แบบนี้อีกเหรอวะ?@!?” เรียกว่าจุดอ่อนตรงนี้ของ ภาคภูมิ มีเพียบครับ หากจะสร้างหนังสยองขวัญเรื่องต่อไป คงต้องทำการบ้านอีกเยอะ

ฉากและการถ่ายทำ
หาทำเลดีอยู่ครับ ทั้งฉากในป่า มินิมาร์ท แม่น้ำไหลเชี่ยว ดูเงียบงัน และให้บรรยากาศน่ากลัวดี แต่ทว่าบางฉาก กลับทำได้ไม่สมจริงเลย อย่างฉากที่รถบัสกำลังจะตกจากสะพาน ภาพฉายออกมาราวกับรถกระป๋องจำลองห้อยอยู่ได้อย่างน่าตลกสิ้นดี หรืออย่างการถ่ายทำจากการจะเข้าไปรับน้องอยู่ในป่า สักพักก็ดันไปเจอเหมือนโรงงานร้างขนาดใหญ่โต (ซะงั้น -_-‘) ราวกับโรงงานอุตสาหกรรม ที่ไม่น่าจะอยู่ในป่าเลย หากเป็นโรงนาอยู่ตามธรรมชาติก็ว่าไปอย่าง หรืออย่างมินิมาร์ท (ใหม่เอี่ยมและสุดหรูหรา) กลางป่าทึบ แต่บริเวณพื้นที่ใกล้เคียงกลับเป็นโรงงานร้าง ออฟฟิศร้างเก่า(โคตร) ห้องน้ำโสยิ่งกว่าห้องน้ำตามปั๊มในต่างจังหวัดหรือตามโรงเรียน(ที่เด็กนั่งมั่วสุมดูดบุหรี่) อีก ซึ่งไม่คิดว่าจะมีนักท่องเที่ยวผ่านมาบริเวณนั้นได้เลย…แต่พี่ภาคภูมิก็ “จัดห้ายย” ในแบบ “งงๆ” ไร้เหตุผลสิ้นดีครับ

ประเด็นดีๆ ที่มีอยู่
เนื้อเรื่องพยายามสอดแทรกประเด็นดีๆ (ที่มีอยู่น้อยนิดและเบาบาง) เข้าไปในหนังด้วย
– ในเรื่องของการเชื่อฟังแม่ สิ่งที่แม่เตือน แม่เป็นห่วงนั้นสำคัญ โดยเฉพาะเด็กสมัยนี้ที่ติดเพื่อน บูชาเพื่อนและเคารพรุ่นพี่ ยิ่งกว่า พ่อแม่ของตัวเองซะอีก เป็นจุดเตือนใจที่ดี
– ฉากการรับน้อง บรรยากาศการว๊ากที่ทำให้เรานึกถึงตอนวัยรุ่นได้ดี ยิ่งฉากบายศรีทำได้ทีเดียว เป็นประเพณีที่ปัจจุบันยังคงรักษาไว้
– เรื่องราวของการเคารพเจ้าที่ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่กล่าวไว้ในตอนต้นเรื่องถึง ประตูผี เจ้าที่ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่หากเราไปที่ไหนก็ควรเคารพ และบอกกล่าวท่านไว้ก่อนก็เป็นสิ่งที่ดี แต่หากใครลบหลู่ ดูหมิ่นแล้วนั้น สิ่งไม่ดีก็จะเกิดขึ้นกับตัวเอง

ตอนจบ
ผู้กำกับเล่นกับกระแส Reality Game Show ที่คนฮิตกันเหลือเกิน กับการ Vote SMS เพื่อสั่งให้ผู้เล่นเกมอยู่ต่อ หรือ ออก (ตาย) ฉากจบหักมุมโดยการฉายภาพมาที่เด็กน้อยตัวเล็ก (ผู้หญิง) ยืนกดโทรศัพท์มือถืออยู่หน้าจอโทรทัศน์ ซึ่งผมว่า ผู้กำกับกะจะกระฉากอารมณ์คนดูให้รู้สึกว่า แม้กระทั่งสาวน้อยตัวเล็กยังมีอิทธิพลต่อชีวิตของผู้เล่นเกม (นักศึกษาที่กำลังผจญฆาตรกรในป่า) ซึ่งกระฉากอารมณ์ได้โหดร้ายแบบไร้สาระสุดๆ คงจะเป็น Reality Game Show ที่เล่นกันวันเดียวจบ สั่งเป็นสั่งตายได้เหมือนใบสั่งจากศาล หรือสรรพากร ตอนจบผมว่าผู้กำกับภาคภูมิคิดดีครับ ไอเดียดี แต่สื่อสารออกมาได้ไร้น้ำหนักและไม่เข้าท่าเอาซะเลย

หนังเรื่องนี้ถูกฉายเมื่อปลายปี 48 ครับ ผมเองซึ่งพลาดการดูในโรงมาแล้ว (เข็ดกับหนังสยองไทยเหลือเกิน) ตอนนี้หากใครสนใจก็คงต้องไปเช่าดีวีดี/วีซีดีมาดูกันได้ครับ… หนังที่ดูได้เพลินๆ อย่าไปคาดหวังอะไรให้มากมายละกัน…

โดย ศร-รณ (aka ถั่วเขียว ณ ทุ่งสังหาร)
Rating: 3.00 / 6.00

VN:F [1.9.22_1171]
Rating: 4.4/5 (5 votes cast)

Posted in Horror Movie Reviews, Horror Movies S - U Tagged with: , , ,